"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 30 กรกฎาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 17,011,477 โดส และทั่วโลกแล้ว 4,024 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 153.29 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ ภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 75.2%”
➡️(30 กรกฎาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 4,024 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 39 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 344 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 164 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 153.29 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (72.7% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 66.952 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 17,011,477 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 52.39%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 4,024 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 17,011,477 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 13,225,233 โดส (20.0% ของประชากร)
-เข็มสอง 2 3,786,244 โดส (5.7% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 30 ก.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 17,011,477 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 231,791 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 777,669 โดส
- เข็มที่ 2 112,490 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 7,422,810 โดส
- เข็มที่ 2 271,876 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 5,024,754 โดส
- เข็มที่ 2 3,401,878 โดส
3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 96.56% ไม่มีผลข้างเคียง
- 3.44% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 0.83%
- ปวดศีรษะ 0.61%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.44%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.40%
- ไข้ 0.27%
- คลื่นไส้ 0.19%
- ท้องเสีย 0.12%
- ผื่น 0.10%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.08%
- อาเจียน 0.05%
- อื่น ๆ 0.35%
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 114.2% เข็มที่2 98.8%
- อสม เข็มที่1 45.9% เข็มที่2 20.9%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 21.9% เข็มที่2 1.3%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 26.6% เข็มที่1 4.6%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 45.2% เข็มที่2 26.8%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 24.3% เข็มที่2 6.8%
รวม เข็มที่1 26.5% เข็มที่2 7.6%
5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 44.2% เข็มที่2 10.4% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 61.7% เข็มที่2 13.5%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 27.5% เข็มที่2 13.0%
- นนทบุรี เข็มที่1 30.2% เข็มที่2 10.2%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 29.8% เข็มที่2 5.3%
- ปทุมธานี เข็มที่1 21.7% เข็มที่2 5.3%
- นครปฐม เข็มที่1 14.2% เข็มที่2 2.9%
จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 11.6% เข็มที่2 3.9%
- ภูเก็ต เข็มที่1 75.2% เข็มที่2 59.2%
- ระนอง เข็มที่1 36.2% เข็มที่2 10.7%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 19.3% เข็มที่2 7.6%
- เกาะสมุย เข็มที่1 34.5% เข็มที่2 9.8%
- เกาะเต่า เข็มที่1 19.0% เข็มที่2 5.6%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 26.1% เข็มที่2 3.5%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 153,299,277 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 66,952,414 โดส (17.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
2. มาเลเซีย จำนวน 19,502,452 โดส (40.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 19,359,927 โดส (10.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 17,011,477 โดส (20.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. กัมพูชา จำนวน 11,802,138 โดส (42.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 7,487,316 โดส (72.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
7. เวียดนาม จำนวน 5,529,898 โดส (5.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ลาว จำนวน 1,993,701 โดส (15.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 159,954 โดส (30.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 65.01%
2. อเมริกาเหนือ 12.16%
3. ยุโรป 14.50%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.37%
5. แอฟริกา 1.60%
6. โอเชียเนีย 0.36%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,601.25 ล้านโดส (57.2% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 455.50 ล้านโดส (16.7%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 344.07 ล้านโดส (53.8%)
4. บราซิล จำนวน 138.20 ล้านโดส (33.8%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (78.4% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (77.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. บาห์เรน (72.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. อุรุกวัย (67.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. กาตาร์ (67.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
6. ชิลี (66.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. สิงคโปร์ (65.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
8. แคนาดา (64.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
9. สหราชอาณาจักร (63.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
10. เดนมาร์ก (62.6%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มาข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.