"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 31 กรกฎาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 17,491,632 โดส และทั่วโลกแล้ว 4,064 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 155.32 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ ภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 75.2%”
➡️(31 กรกฎาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 4,064 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 39.7 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 345 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 164 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 155.32 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (72.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 67.317 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 17,491,632 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 52.48%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 4,064 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 17,491,632 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 13,640,179 โดส (20.6% ของประชากร)
-เข็มสอง 2 3,851,453 โดส (5.8% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 31 ก.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 17,491,632 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 249,973 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 810,462 โดส
- เข็มที่ 2 134,949 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 7,589,601 โดส
- เข็มที่ 2 309,054 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 5,240,116 โดส
- เข็มที่ 2 3,407,450 โดส
3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 96.56% ไม่มีผลข้างเคียง
- 3.44% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 0.83%
- ปวดศีรษะ 0.61%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.44%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.40%
- ไข้ 0.27%
- คลื่นไส้ 0.19%
- ท้องเสีย 0.12%
- ผื่น 0.10%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.08%
- อาเจียน 0.05%
- อื่น ๆ 0.35%
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 114.6% เข็มที่2 99.0%
- อสม เข็มที่1 47.1% เข็มที่2 21.2%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 22.8% เข็มที่2 1.4%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 27.6% เข็มที่1 4.7%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 45.9% เข็มที่2 27.1%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 25.1% เข็มที่2 7.0%
รวม เข็มที่1 27.3% เข็มที่2 7.7%
5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 45.3% เข็มที่2 10.5% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 63.3% เข็มที่2 13.7%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 27.9% เข็มที่2 13.1%
- นนทบุรี เข็มที่1 30.7% เข็มที่2 10.3%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 30.3% เข็มที่2 5.4%
- ปทุมธานี เข็มที่1 22.2% เข็มที่2 5.3%
- นครปฐม เข็มที่1 14.8% เข็มที่2 3.0%
จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 12.1% เข็มที่2 4.0%
- ภูเก็ต เข็มที่1 75.2% เข็มที่2 59.2%
- ระนอง เข็มที่1 36.2% เข็มที่2 10.7%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 19.3% เข็มที่2 7.6%
- เกาะสมุย เข็มที่1 34.5% เข็มที่2 9.8%
- เกาะเต่า เข็มที่1 19.0% เข็มที่2 5.6%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 26.1% เข็มที่2 3.5%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 155,322,921 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 67,317,767 โดส (17.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
2. มาเลเซีย จำนวน 20,014,549 โดส (41.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 19,359,927 โดส (10.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 17,491,632 โดส (20.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. กัมพูชา จำนวน 11,962,852 โดส (42.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 7,551,881 โดส (72.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
7. เวียดนาม จำนวน 5,931,376 โดส (5.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ลาว จำนวน 2,032,440 โดส (15.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 160,497 โดส (30.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 65.12%
2. อเมริกาเหนือ 12.11%
3. ยุโรป 14.45%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.37%
5. แอฟริกา 1.59%
6. โอเชียเนีย 0.36%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,619.22 ล้านโดส (57.8% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 460.66 ล้านโดส (16.8%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 344.93 ล้านโดส (53.9%)
4. บราซิล จำนวน 140.17 ล้านโดส (34.3%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (78.4% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (77.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. บาห์เรน (72.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. อุรุกวัย (67.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. กาตาร์ (67.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
6. ชิลี (66.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. สิงคโปร์ (65.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
8. แคนาดา (65.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
9. สหราชอาณาจักร (63.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
10. เดนมาร์ก (63.1%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มาข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.