"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 2 สิงหาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 17,866,526 โดส และทั่วโลกแล้ว 4,130 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 160.75 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ ภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 75.3%”
➡️(2 สิงหาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 4,130 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 41.8 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 346 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 165 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 160.75 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (73.2% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 68.62 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 17,866,526 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 52.88%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 4,130 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 17,866,526 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 13,955,087โดส (21.1% ของประชากร)
-เข็มสอง 2 3,911,439 โดส (5.9% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 2 ส.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 17,866,526 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 272,250 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 874,507 โดส
- เข็มที่ 2 176,270 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 7,756,430 โดส
- เข็มที่ 2 325,684 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 5,324,150 โดส
- เข็มที่ 2 3,409,485 โดส
3. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 114.8% เข็มที่2 99.2%
- อสม เข็มที่1 47.4% เข็มที่2 21.3%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 23.2% เข็มที่2 1.4%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 28.2% เข็มที่1 4.8%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 46.1% เข็มที่2 27.2%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 25.9% เข็มที่2 7.2%
รวม เข็มที่1 27.9% เข็มที่2 7.8%
4. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 46.5% เข็มที่2 10.8% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 65.2% เข็มที่2 14%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 28% เข็มที่2 13.1%
- นนทบุรี เข็มที่1 31% เข็มที่2 10.6%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 30.8% เข็มที่2 5.5%
- ปทุมธานี เข็มที่1 22.7% เข็มที่2 5.5%
- นครปฐม เข็มที่1 15.1% เข็มที่2 3.0%
จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 12.3% เข็มที่2 4.0%
- ภูเก็ต เข็มที่1 75.3% เข็มที่2 59.2%
- ระนอง เข็มที่1 36.8% เข็มที่2 11.6%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 20% เข็มที่2 7.9%
- เกาะสมุย เข็มที่1 36.2% เข็มที่2 10.1%
- เกาะเต่า เข็มที่1 19.9% เข็มที่2 5.7%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 28.5% เข็มที่2 3.6%
5. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 160,750,689 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 68,620,908 โดส (17.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
2. มาเลเซีย จำนวน 21,200,473 โดส (43.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 20,863,544 โดส (10.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 17,866,526 โดส (21.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. กัมพูชา จำนวน 12,232,259 โดส (43.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 7,699,401 โดส (73.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
7. เวียดนาม จำนวน 6,415,219 โดส (5.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ลาว จำนวน 2,187,200 โดส (16.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 165,159 โดส (30.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
6. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 65.35%
2. อเมริกาเหนือ 12.03%
3. ยุโรป 14.3%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.38%
5. แอฟริกา 1.58%
6. โอเชียเนีย 0.36%
7. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,652.82 ล้านโดส (59% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 470.30 ล้านโดส (17.2%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 346.46 ล้านโดส (54.2%)
4. บราซิล จำนวน 142.49 ล้านโดส (34.9%)
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (78.4% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (78.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. บาห์เรน (72.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. กาตาร์ (68.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
5. อุรุกวัย (68.0%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. สิงคโปร์ (66.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
7. ชิลี (66.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
8. แคนาดา (65.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
9. สหราชอาณาจักร (63.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
10. เดนมาร์ก (63.7%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มาข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.