"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 3 สิงหาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 18,198,825 โดส และทั่วโลกแล้ว 4,167 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 163.73 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ ภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 75.3%”
➡️(3 สิงหาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 4,167 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 42 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 347 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 165 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 163.73 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (73.3% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 69.64 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 18,198,825 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 53.05%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 4,167 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 18,198,825 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 14,207,477 โดส (21.5% ของประชากร)
-เข็มสอง 3,911,348 โดส (6% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 3 ส.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 18,198,825 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 299,879 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 902,950 โดส
- เข็มที่ 2 205,926 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 7,857,639 โดส
- เข็มที่ 2 370,482 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 5,446,888 โดส
- เข็มที่ 2 3,414940 โดส
3. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 114.8% เข็มที่2 99.3%
- อสม เข็มที่1 47.9% เข็มที่2 21.5%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 23.6% เข็มที่2 1.4%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 28.8% เข็มที่1 4.9%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 46.5% เข็มที่2 27.5%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 26.4% เข็มที่2 7.4%
รวม เข็มที่1 28.4% เข็มที่2 8%
4. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 47.2% เข็มที่2 10.9% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 66.2% เข็มที่2 14.2%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 28.4% เข็มที่2 13.1%
- นนทบุรี เข็มที่1 31.2% เข็มที่2 10.7%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 31.2% เข็มที่2 5.6%
- ปทุมธานี เข็มที่1 23.9% เข็มที่2 5.6%
- นครปฐม เข็มที่1 15.5% เข็มที่2 3.1%
จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 12.6% เข็มที่2 4.1%
- ภูเก็ต เข็มที่1 75.3% เข็มที่2 59.2%
- ระนอง เข็มที่1 37.3% เข็มที่2 12.3%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 20.1% เข็มที่2 7.9%
- เกาะสมุย เข็มที่1 37.8% เข็มที่2 10.1%
- เกาะเต่า เข็มที่1 20.1% เข็มที่2 5.7%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 29.5% เข็มที่2 3.7%
5. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 163,738,430 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 69,645,812 โดส (17.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
2. มาเลเซีย จำนวน 21,668,999 โดส (44.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 21,210,129 โดส (10.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 18,198,825 โดส (21.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. กัมพูชา จำนวน 12,437,868 โดส (44.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 7,761,375 โดส (73.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
7. เวียดนาม จำนวน 6,959,197 โดส (6.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ลาว จำนวน 2,187,200 โดส (16.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 169,025 โดส (31.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
6. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 65.52%
2. อเมริกาเหนือ 11.96%
3. ยุโรป 14.24%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.34%
5. แอฟริกา 1.58%
6. โอเชียเนีย 0.36%
7. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,669.53 ล้านโดส (59.6% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 477.80 ล้านโดส (17.5%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 346.92 ล้านโดส (54.2%)
4. บราซิล จำนวน 142.56 ล้านโดส (34.9%)
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (78.4% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (78.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. บาห์เรน (73.0%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. กาตาร์ (68.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
5. อุรุกวัย (68.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. สิงคโปร์ (67.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
7. ชิลี (67.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
8. แคนาดา (65.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
9. เดนมาร์ก (64.0%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech และ J&J)
10. สหราชอาณาจักร (63.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มาข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.