"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 6 ธันวาคม 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 95,437,744 โดส และทั่วโลกแล้ว 8,186 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 687.4 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (117.6%)
➡️(6 ธันวาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 8,186 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 36.1 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 462 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 197 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 687.4 ล้านโดส โดยบูรไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (91.7% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 241.9 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 6 ธันวาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 95,437,744 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.74%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 8,095 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 6 ธันวาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 95,437,744 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 49,223,323 โดส (74,4% ของประชากร)
-เข็มสอง 42,473,758 โดส (64.2% ของประชากร)
-เข็มสาม 3,740,663 โดส (5.7% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-6 ธ.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 95,437,744 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 186,386 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 439,618 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 22,684,695 โดส
- เข็มที่ 2 3,561,064โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 13,058,369 โดส
- เข็มที่ 2 27,057,711 โดส
- เข็มที่ 3 2,548,273 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 7,335,777 โดส
- เข็มที่ 2 6,850,475 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 5,811,665 โดส
- เข็มที่ 2 4,914,877 โดส
- เข็มที่ 3 930,559 โดส
วัคซีน Moderna
- เข็มที่ 1 332,317 โดส
- เข็มที่ 2 89,631 โดส
- เข็มที่ 3 261,831โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 122.6% เข็มที่2 119.3% เข็มที่3 94.4%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่3 64.4% เข็มที่2 61.7% เข็มที่3 20.3%
- อสม เข็มที่1 78.3% เข็มที่2 74.2% เข็มที่3 16.7%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 75.6% เข็มที่2 68% เข็มที่3 4.3%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 65.8% เข็มที่2 55.3% เข็มที่3 4.5%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72% เข็มที่2 63.2% เข็มที่3 1.3%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 19.4% เข็มที่2 15.5% เข็มที่3 0.3%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 71.2% เข็มที่2 64.3% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 68.3% เข็มที่2 59% เข็มที่3 5.2%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 117.6% เข็มที่2 103.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 83% เข็มที่2 73.5%
2. ชลบุรี เข็มที่1 90.3% เข็มที่2 82.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.8% เข็มที่2 73.9%
3. ภูเก็ต เข็มที่1 86.8% เข็มที่2 83.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74% เข็มที่2 71.3%
4. เชียงใหม่ เข็มที่1 84.4% เข็มที่2 68% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 90.8% เข็มที่2 73.4%
5. สมุทรปราการ เข็มที่1 80.9% เข็มที่2 68.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 95.1% เข็มที่2 86.6%
6. ระนอง เข็มที่1 78.6% เข็มที่2 68.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.9% เข็มที่2 72.1%
7. ระยอง เข็มที่1 73.8% เข็มที่2 64.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.4% เข็มที่2 72.5%
8. พังงา เข็มที่1 73.6% เข็มที่2 69.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.8% เข็มที่2 63.3%
9. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 71.2% เข็มที่2 59.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.6% เข็มที่2 73.3%
10. กระบี่ เข็มที่1 69.8% เข็มที่2 63.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.7% เข็มที่2 73.6%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 68.5% เข็มที่2 61.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.7% เข็มที่2 66.2%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 66.8% เข็มที่2 59.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.2% เข็มที่2 62.1%
13. ตราด เข็มที่1 64.9% เข็มที่2 59.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.1% เข็มที่2 63.9%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 60.2% เข็มที่2 52.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.6% เข็มที่2 68.6%
15. เลย เข็มที่1 57.6% เข็มที่2 49.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.7% เข็มที่2 64.8%
16. อุดรธานี เข็มที่1 56.9% เข็มที่2 49.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 82% เข็มที่2 73.8%
17. หนองคาย เข็มที่1 54.9% เข็มที่2 47.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.3% เข็มที่2 63.8%
รวม เข็มที่1 88.3% เข็มที่2 77.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.4% เข็มที่2 72.5%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 687,480,728 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 241,926,512 (51.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 127,353,020 โดส (75.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 95,437,744 โดส (74.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 91,777,433 โดส (47.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 54,091,375 โดส (79.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 30,054,663 โดส (83.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 28,707,770 โดส (30.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,083,329 โดส (87%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 7,292,802 โดส (55.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 756,080 โดส (91.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง ยุโร7%
2. ยุโรป 10.37%
3. อเมริกาเหนือ 9.14%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.37%
5. แอฟริกา 3.04%
6. โอเชียเนีย 0.61%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,543.42 ล้านโดส (181.7% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,279.60 ล้านโดส (93.6%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 462.26 ล้านโดส (139.2%)
4. บราซิล จำนวน 314.45 ล้านโดส (149.6%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 241.52 ล้านโดส (87.7%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (252.3%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (217%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. มัลดีฟส์ (207.8% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (203.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
5. บาห์เรน (200.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. อุรุกวัย (194%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. จีน (181.7%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
8. อิสราเอล (179.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กาตาร์ (179.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
10. กัมพูชา (177.7%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.