"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 98,046,970 โดส และทั่วโลกแล้ว 8,531 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 718.7 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (119.3%)
➡️(15 ธันวาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 8,531 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 42.1 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 485 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 202 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 718.7 ล้านโดส โดยบูรไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (91.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 253.8 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 98,046,970 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.86%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 8,531 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 98,046,970 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 50,095,106 โดส (75.7% ของประชากร)
-เข็มสอง 43,643,486 โดส (65.9% ของประชากร)
-เข็มสาม 4,308,378 โดส (6.5% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-15 ธ.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 98,046,970 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 393,116 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 309,604 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 22,744,479 โดส
- เข็มที่ 2 3,567,387 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 13,219,818 โดส
- เข็มที่ 2 27,449,169 โดส
- เข็มที่ 3 2,604,219 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 7,387,202 โดส
- เข็มที่ 2 6,967,234 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 6,282,647 โดส
- เข็มที่ 2 5,456,233 โดส
- เข็มที่ 3 1,218,845 โดส
วัคซีน Moderna
- เข็มที่ 1 460,960 โดส
- เข็มที่ 2 203,463 โดส
- เข็มที่ 3 485,314 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 122.1% เข็มที่2 119% เข็มที่3 94.8%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 64.4% เข็มที่2 61.9% เข็มที่3 21.2%
- อสม เข็มที่1 78.5% เข็มที่2 74.6% เข็มที่3 17.6%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่ 76.4% เข็มทเข็มที่2 69% เข็มที่3 5.1%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 67.1% เข็มที่3 57.1% เข็มที่3 5.5%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มทีา 73.4% เข็มที่ 64.5% เข็มที่3 1.7%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 19.9% เข็มที่ 16.1% เข็มที่3 0.4%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 72.9% เข็มที่2 66.6% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 69.5% เข็มที่2 60.6% เข็มที่3 6%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 119.3% เข็มที่2 106.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 83.4% เข็มที่2 74.2%
2. ชลบุรี เข็มที่1 91.7% เข็มที่2 84.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 79% เข็มที่2 74.9%
3. เชียงใหม่ เข็มที่1 87.6% เข็มที่2 75.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 93.2% เข็มที่2 80.6%
4. ภูเก็ต เข็มที่1 87% เข็มที่2 83.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.2% เข็มที่2 71.6%
5. สมุทรปราการ เข็มที่1 82.2% เข็มที่2 69.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 95.8% เข็มที่2 87.5%
6. ระนอง เข็มที่1 80.4% เข็มที่2 71.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.5% เข็มที่2 72.5%
7. ระยอง เข็มที่1 75.8% เข็มที่2 68.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77% เข็มที่2 73.5%
8. พังงา เข็มที่1 74.3% เข็มที่2 70.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.1% เข็มที่2 65%
9. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 73.2% เข็มที่2 63.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 82% เข็มที่2 74.9%
10. กระบี่ เข็มที่1 70.4% เข็มที่2 64.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 79.2% เข็มที่2 74.1%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 69.4% เข็มที่2 62.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.4% เข็มที่2 66.7%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 68.2% เข็มที่2 61.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.1% เข็มที่2 63.1%
13. ตราด เข็มที่1 66.1% เข็มที่2 61.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.4% เข็มที่2 65.6%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 60.6% เข็มที่2 53.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.9% เข็มที่2 70.8%
15. เลย เข็มที่1 59.5% เข็มที่2 50.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.9% เข็มที่2 66.2%
16. อุดรธานี เข็มที่1 58.8% เข็มที่2 50.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 83.7% เข็มที่2 74.8%
17. หนองคาย เข็มที่1 55.8% เข็มที่2 47.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.7% เข็มที่2 64%
รวม เข็มที่1 89.9% เข็มที่2 79.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 82.3% เข็มที่2 74%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 718,797,514 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 253,866,371 (53.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 133,631,226 โดส (76.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 98,046,970 โดส (75.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 98,023,823 โดส (49.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 55,209,067 โดส (79.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 31,859,036 โดส (34.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 30,684,335 โดส (84%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,083,329 โดส (87%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 7,602,851 โดส (58.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 790,506 โดส (91.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.44%
2. ยุโรป 10.42%
3. อเมริกาเหนือ 9.13%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.25%
5. แอฟริกา 3.17%
6. โอเชียเนีย 0.59%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,621.19 ล้านโดส (187.2% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,346.41 ล้านโดส (98.5%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 485.36 ล้านโดส (146.2%)
4. บราซิล จำนวน 320.74 ล้านโดส (152.6%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 252.87 ล้านโดส (91.7%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (256.2%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (221.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. มัลดีฟส์ (210.2% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (206.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
5. บาห์เรน (206.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. อุรุกวัย (195.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. จีน (187.2%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
8. สหราชอาณาจักร (182.9%)
9. กาตาร์ (181.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
10. กัมพูชา (181.5%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.