"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 16 ธันวาคม 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 98,440,417 โดส และทั่วโลกแล้ว 8,564 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 718.7 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (119.3%)
➡️(16 ธันวาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 8,564 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 41.6 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 487 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 203 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 718.7 ล้านโดส โดยบูรไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (91.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 253.8 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 16 ธันวาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 98,440,417 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.86%
ในการฉีดวัคซีน จำนวน 8,531 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 16 ธันวาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 98,440,417 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 50,204,276 โดส (75.9% ของประชากร)
-เข็มสอง 43,811,828 โดส (66.2% ของประชากร)
-เข็มสาม 4,424,313 โดส (6.7% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-16 ธ.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 98,440,417 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 393,447 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 299,810 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 22,752,722 โดส
- เข็มที่ 2 3,568,133 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 13,239,830 โดส
- เข็มที่ 2 27,485,073 โดส
- เข็มที่ 3 2,615,106 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 7,202,852 โดส
- เข็มที่ 2 6,980,329 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 6,340,944 โดส
- เข็มที่ 2 5,559,025 โดส
- เข็มที่ 3 1,279,716 โดส
วัคซีน Moderna
- เข็มที่ 1 476,928โดส
- เข็มที่ 2 219,268 โดส
- เข็มที่ 3 529,491 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 122.1% เข็มที่2 119% เข็มที่3 95%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 64.4% เข็มที่2 61.9% เข็มที่3 21.4%
- อสม เข็มที่1 78.6% เข็มที่2 74.7% เข็มที่3 17.8%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่ 76.5% เข็มทเข็มที่2 69.2% เข็มที่3 5.3%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 67.3% เข็มที่3 57.4% เข็มที่3 5.7%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มทีา 73.5% เข็มที่ 64.7% เข็มที่3 1.9%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 20% เข็มที่ 16.2% เข็มที่3 0.4%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 73.1% เข็มที่2 67.1% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 69.7% เข็มที่2 60.8% เข็มที่3 6.1%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 119.4% เข็มที่2 106.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 83.5% เข็มที่2 74.3%
2. ชลบุรี เข็มที่1 91.9% เข็มที่2 84.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 79.1% เข็มที่2 75%
3. เชียงใหม่ เข็มที่1 87.7% เข็มที่2 76% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 93.4% เข็มที่2 81.5%
4. ภูเก็ต เข็มที่1 87.2% เข็มที่2 83.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.3% เข็มที่2 71.6%
5. สมุทรปราการ เข็มที่1 82.3% เข็มที่2 69.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 95.9% เข็มที่2 87.6%
6. ระนอง เข็มที่1 80.5% เข็มที่2 72% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.5% เข็มที่2 72.5%
7. ระยอง เข็มที่1 76.1% เข็มที่2 68.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.1% เข็มที่2 73.6%
8. พังงา เข็มที่1 74.3% เข็มที่2 70.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.2% เข็มที่2 65.2%
9. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 73.4% เข็มที่2 63.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 82.9% เข็มที่2 75.6%
10. กระบี่ เข็มที่1 70.4% เข็มที่2 64.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 79.3% เข็มที่2 74.2%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 69.5% เข็มที่2 62.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.5% เข็มที่2 66.8%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 68.5% เข็มที่2 61.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.5% เข็มที่2 63.2%
13. ตราด เข็มที่1 66.2% เข็มที่2 62% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.4% เข็มที่2 65.7%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 60.6% เข็มที่2 53.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.9% เข็มที่2 70.9%
15. เลย เข็มที่1 59.7% เข็มที่2 50.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.1% เข็มที่2 66.3%
16. อุดรธานี เข็มที่1 58.9% เข็มที่2 50.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 83.8% เข็มที่2 74.9%
17. หนองคาย เข็มที่1 55.9% เข็มที่2 47.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.8% เข็มที่2 64%
รวม เข็มที่1 90% เข็มที่2 80% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 82.4% เข็มที่2 74.2%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 723,469,796 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 253,444,447 (53.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 135,202,794 โดส (77%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 99,139,603 โดส (50.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 98,440,417 โดส (75.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 55,383,495 โดส (79.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 32,650,954 โดส (35.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 30,731,400 โดส (84.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,083,329 โดส (87%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 7,602,851 โดส (58.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 790,506 โดส (94.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.48%
2. ยุโรป 10.42%
3. อเมริกาเหนือ 9.11%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.24%
5. แอฟริกา 3.16%
6. โอเชียเนีย 0.59%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,630.2 ล้านโดส (187.9% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,352.69 ล้านโดส (98.9%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 486.57 ล้านโดส (146.6%)
4. บราซิล จำนวน 321.60 ล้านโดส (153%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 253.44 ล้านโดส (91.9%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (256.2%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (222.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. มัลดีฟส์ (210.2% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (206.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
5. บาห์เรน (206.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. อุรุกวัย (195.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. จีน (187.9%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
8. สหราชอาณาจักร (184%)
9. กาตาร์ (182.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
10. กัมพูชา (181.7%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวนิพัทธา เผ่าเนตร์
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.