"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 99,761,523 โดส และทั่วโลกแล้ว 8,666 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 731.7 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (119.7%)
➡️(19 ธันวาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 8,666 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 38.9 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 492 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 203 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 735.2 ล้านโดส โดยบูรไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (94.3% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 258.4 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 99,761,523 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.9%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 8,666 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 99,761,523 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 50,527,954 โดส (76.3% ของประชากร)
-เข็มสอง 44,332,226 โดส (67% ของประชากร)
-เข็มสาม 4,901,343 โดส (7.4% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-19 ธ.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 99,761,523 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 376,281 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 348,521 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 22,773,834 โดส
- เข็มที่ 2 3,570,462 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 13,303,832 โดส
- เข็มที่ 2 27,609,071 โดส
- เข็มที่ 3 2,663,898 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 7,411,732 โดส
- เข็มที่ 2 7,012,138 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 6,518,877 โดส
- เข็มที่ 2 5,875,201 โดส
- เข็มที่ 3 1,542,910 โดส
วัคซีน Moderna
- เข็มที่ 1 519,679 โดส
- เข็มที่ 2 265,354 โดส
- เข็มที่ 3 694,535 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 122.1% เข็มที่2 119.1% เข็มที่3 95.5%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 64.4% เข็มที่2 62% เข็มที่3 22.4%
- อสม เข็มที่1 78.7% เข็มที่2 75% เข็มที่3 18.8%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่ 76.9% เข็มทเข็มที่2 69.7% เข็มที่3 6%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 67.7% เข็มที่3 58.2% เข็มที่3 6.4%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มทีา 74.1% เข็มที่ 65.2% เข็มที่3 2.6%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 20.2% เข็มที่ 16.4% เข็มที่3 0.5%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 73.6% เข็มที่2 68% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 70.1% เข็มที่2 61.5% เข็มที่3 6.8%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 119.7% เข็มที่2 107.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 83.5% เข็มที่2 74.5%
2. ชลบุรี เข็มที่1 92.3% เข็มที่2 85.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 79.3% เข็มที่2 75.5%
3. เชียงใหม่ เข็มที่1 88.3% เข็มที่2 77.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 93.9% เข็มที่2 83.5%
4. ภูเก็ต เข็มที่1 87.4% เข็มที่2 84.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.5% เข็มที่2 71.7%
5. สมุทรปราการ เข็มที่1 82.6% เข็มที่2 70.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 96.1% เข็มที่2 88%
6. ระนอง เข็มที่1 81.1% เข็มที่2 72.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.5% เข็มที่2 72.6%
7. ระยอง เข็มที่1 77% เข็มที่2 70.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.2% เข็มที่2 73.9%
8. พังงา เข็มที่1 74.3% เข็มที่2 70.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.8% เข็มที่2 65.9%
9. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 74.1% เข็มที่2 64.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 84.2% เข็มที่2 76.6%
10. กระบี่ เข็มที่1 70.7% เข็มที่2 65.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 79.4% เข็มที่2 74.5%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 69.8% เข็มที่2 63.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.8% เข็มที่2 67.3%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 69.2% เข็มที่2 61.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.9% เข็มที่2 63.5%
13. ตราด เข็มที่1 66.4% เข็มที่2 62.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.6% เข็มที่2 65.8%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 60.7% เข็มที่2 54.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.1% เข็มที่2 71.6%
15. เลย เข็มที่1 60.2% เข็มที่2 51.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.8% เข็มที่2 66.6%
16. อุดรธานี เข็มที่1 59.1% เข็มที่2 51.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 84.1% เข็มที่2 75.1%
17. หนองคาย เข็มที่1 56.2% เข็มที่2 47.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.9% เข็มที่2 64.1%
รวม เข็มที่1 90.4% เข็มที่2 80.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 82.7% เข็มที่2 74.7%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 735,235,688 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 258,469,441 (54.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 137,574,609โดส (77.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 100,600,809 โดส (50.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 99,761,523 โดส (76.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 55,803,470 โดส (79.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 33,548,501 โดส (36.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 30,824,055 โดส (84.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,083,329 โดส (87%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 7,747,287 โดส (59.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 790,506 โดส (94.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.36%
2. ยุโรป 10.49%
3. อเมริกาเหนือ 9.11%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.21%
5. แอฟริกา 3.24%
6. โอเชียเนีย 0.59%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,650.56 ล้านโดส (189.3% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,373.06 ล้านโดส (100.4%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 491.89ล้านโดส (148.2%)
4. บราซิล จำนวน 323.83 ล้านโดส (154.1%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 258.47 ล้านโดส (93.7%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (256.7%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (223.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. มัลดีฟส์ (210.4% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. บาห์เรน (208.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
5. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (207.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
6. อุรุกวัย (196%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. จีน (189.3%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
8. สหราชอาณาจักร (186.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ AstraZeneca/Oxford)
9. เดนมาร์ก (182.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ J&J)
10. กาตาร์ (182.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.