"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 100,615,878 โดส และทั่วโลกแล้ว 8,801 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 745.5 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (119.9%)
➡️(22 ธันวาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 8,801 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 40.2 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 497 ล้านโด ส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 205 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 745.5 ล้านโดส โดยบรูไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (94.4% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 262.04 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 100,615,878 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.93%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 8,801 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 100,615,878 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 50,685,890 โดส (76.6% ของประชากร)
-เข็มสอง 44,653,467 โดส (67.5% ของประชากร)
-เข็มสาม 5,276,521 โดส (8% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-22 ธ.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 100,615,878 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 444,037 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 366,969 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 22,784,355 โดส
- เข็มที่ 2 3,571,390 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 13,328,450 โดส
- เข็มที่ 2 27,684,612 โดส
- เข็มที่ 3 2,698,153 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 7,423,991 โดส
- เข็มที่ 2 7,035,234 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 6,601,925 โดส
- เข็มที่ 2 6,064,361 โดส
- เข็มที่ 3 1,753,810 โดส
วัคซีน Moderna
- เข็มที่ 1 547,169 โดส
- เข็มที่ 2 297,870 โดส
- เข็มที่ 3 824,558 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 122% เข็มที่2 119.1% เข็มที่3 95.9%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 64.4% เข็มที่2 62.1% เข็มที่3 23%
- อสม เข็มที่1 78.8% เข็มที่2 75.2% เข็มที่3 19.5%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่ 77.1% เข็มทเข็มที่2 70.1% เข็มที่3 6.6%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 68% เข็มที่3 58.7% เข็มที่3 6.9%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มทีา 74.3% เข็มที่ 65.6% เข็มที่3 3.1%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 20.3% เข็มที่ 16.6% เข็มที่3 0.5%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 73.7% เข็มที่2 68.4% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 70.4% เข็มที่2 62% เข็มที่3 7.3%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 119.9% เข็มที่2 108.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 83.6% เข็มที่2 75%
2. ชลบุรี เข็มที่1 92.6% เข็มที่2 85.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 79.4% เข็มที่2 75.8%
3. เชียงใหม่ เข็มที่1 88.6% เข็มที่2 78.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 94.2% เข็มที่2 84.4%
4. ภูเก็ต เข็มที่1 87.4% เข็มที่2 84.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.5% เข็มที่2 71.9%
5. สมุทรปราการ เข็มที่1 82.8% เข็มที่2 70.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 96.2% เข็มที่2 88.1%
6. ระนอง เข็มที่1 81.3% เข็มที่2 73.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.6% เข็มที่2 73.3%
7. ระยอง เข็มที่1 77.2% เข็มที่2 70.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.3% เข็มที่2 74.1%
8. พังงา เข็มที่1 74.4% เข็มที่2 71.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.9% เข็มที่2 66.2%
9. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 74.3% เข็มที่2 65% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 84.5% เข็มที่2 77%
10. กระบี่ เข็มที่1 71% เข็มที่2 65.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 79.6% เข็มที่2 74.9%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 70% เข็มที่2 64% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.9% เข็มที่2 67.7%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 69.4% เข็มที่2 61.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.2% เข็มที่2 63.6%
13. ตราด เข็มที่1 66.5% เข็มที่2 62.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.7% เข็มที่2 66%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 60.8% เข็มที่2 54.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.2% เข็มที่2 71.7%
15. เลย เข็มที่1 60.5% เข็มที่2 51.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.1% เข็มที่2 66.7%
16. อุดรธานี เข็มที่1 59.2% เข็มที่2 51.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 84.2% เข็มที่2 75.3%
17. หนองคาย เข็มที่1 56.3% เข็มที่2 48.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71% เข็มที่2 64.2%
รวม เข็มที่1 90.5% เข็มที่2 81.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 82.8% เข็มที่2 75.1%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 745,536,250 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 262,043,740 (55.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 140,438,803 โดส (78%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 102,988,677 โดส (51%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 100,615,878 โดส (76.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 56,207,871 โดส (79.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 33,548,501 โดส (36.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 31,025,234 โดส (84.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,083,329 โดส (87%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 7,793.711 โดส (60%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 790,506 โดส (94.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.41%
2. ยุโรป 10.47%
3. อเมริกาเหนือ 9.09%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.23%
5. แอฟริกา 3.21%
6. โอเชียเนีย 0.59%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,695.18 ล้านโดส (192.5% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,389.89 ล้านโดส (101.6%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 497.38 ล้านโดส (149.8%)
4. บราซิล จำนวน 325.59 ล้านโดส (154.9%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 262.04 ล้านโดส (95%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (259.2%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (225.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. มัลดีฟส์ (211.4% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. บาห์เรน (211.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
5. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (207.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
6. อุรุกวัย (196.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. เดนมาร์ก (196.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ J&J)
8. จีน (192.5%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
9. สหราชอาณาจักร (1902.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ AstraZeneca/Oxford)
10. เกาหลีใต้ (186.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech J&J AstraZeneca/Oxford และ Moderna)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.