"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 117,479,975 โดส และทั่วโลกแล้ว 10,253 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 917 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (112%)
➡️(8 กุมภาพันธ์ 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 10,253 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 29.5 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 544 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 213 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 917 ล้านโดส โดยบรูไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (94.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 325 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 117,479,975 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 64.71%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 10,253 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 117,479,975 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 52,528,595 โดส (79.4% ของประชากร)
-เข็มสอง 48,969,726 โดส (74% ของประชากร)
-เข็มสาม 15,981,654 โดส (24.1% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ. 64 - 8 ก.พ. 65 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 117,479,975 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 385,190 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 317,637 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 22,881,583 โดส
- เข็มที่ 2 3,598,194 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 13,774,997 โดส
- เข็มที่ 2 28,302,954 โดส
- เข็มที่ 3 4,343,308 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 7,519,825 โดส
- เข็มที่ 2 7,209,608 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 7,639,546 โดส
- เข็มที่ 2 9,086,886 โดส
- เข็มที่ 3 9,328,566 โดส
วัคซีน Moderna
- เข็มที่ 1 712,169 โดส
- เข็มที่ 2 770,561 โดส
- เข็มที่ 3 2,309,780 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 114.2% เข็มที่2 112% เข็มที่3 150.4%
- อสม เข็มที่1 80% เข็มที่2 78.2% เข็มที่3 40.2%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 105.8% เข็มที่2 100.9% เข็มที่3 34.7%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 88.9% เข็มที่2 82.1% เข็มที่3 27.1%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.1% เข็มที่2 62% เข็มที่3 19.2%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 72.2% เข็มที่2 69.8% เข็มที่3 0%
- เด็กอายุ 5-11 ปี เข็มที่1 1% เข็มที่2 0.1% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 75.5% เข็มที่2 70.4% เข็มที่3 23%
5. 10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ครอบคลุมประชากรสูงที่สุด
1. ภูเก็ต เข็มที่1 89.8% เข็มที่2 87% เข็มที่3 58%
2. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 112% เข็มที่2 103.9% เข็มที่3 46.8%
3. นนทบุรี เข็มที่1 81.6% เข็มที่2 78% เข็มที่3 46.6%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 91% เข็มที่2 79.8% เข็มที่3 40.8%
5. ลำพูน เข็มที่1 79.9% เข็มที่2 75.5% เข็มที่3 34%
6. อยุธยา เข็มที่1 72.9% เข็มที่2 70.6% เข็มที่3 33.3%
7. ระยอง เข็มที่1 83.1% เข็มที่2 79.4% เข็มที่3 30.4%
8. นครปฐม เข็มที่1 76% เข็มที่2 75.4% เข็มที่3 28.3%
9. ชลบุรี เข็มที่1 82% เข็มที่2 78.3% เข็มที่3 27.5%
10. สระบุรี เข็มที่1 65.3% เข็มที่2 65% เข็มที่3 26.7%
10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ครอบคลุมประชากรต่ำที่สุด
1. นราธิวาส เข็มที่1 55.3% เข็มที่2 44.6% เข็มที่3 5.3%
2. ปัตตานี เข็มที่1 56.1% เข็มที่2 45.2% เข็มที่3 5.6%
3. บึงกาฬ เข็มที่1 62.8% เข็มที่2 55.3% เข็มที่3 7.6%
4. ยะลา เข็มที่1 62.4% เข็มที่2 52.2% เข็มที่3 7.9%
5. หนองบัวลำภู เข็มที่1 62.3% เข็มที่2 56.7% เข็มที่3 8.6%
6. แม่ฮ่องสอน เข็มที่1 57.1% เข็มที่2 45.6% เข็มที่3 9.3%
7. กาฬสินธุ์ เข็มที่1 64.9% เข็มที่2 59.3% เข็มที่3 9.6%
8. สตูล เข็มที่1 63.4% เข็มที่2 59.7% เข็มที่3 9.7%
9. สกลนคร เข็มที่1 64.6% เข็มที่2 58% เข็มที่3 10.6%
10. อำนาจเจริญ เข็มที่1 68.9% เข็มที่2 64.5% เข็มที่3 11.1%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 917,060,248 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 325,015,898 โดส (67.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 182,426,454 โดส (81.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ 129,125,464 โดส (54.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 117,479,975 โดส (79.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 64,108,866 โดส (80%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 41,602,977 โดส (40.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 34,475,414 โดส (85%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 12,870,890 โดส (92%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 8,975,025 โดส (65%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 979,285 โดส (94.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.47%
2. ยุโรป 10.42%
3. อเมริกาเหนือ 8.80%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.15%
5. แอฟริกา 3.54%
6. โอเชียเนีย 0.62%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 3,009.90 ล้านโดส (212.8% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,702.17 ล้านโดส (123.5%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 543.66 ล้านโดส (162.2%)
4. บราซิล จำนวน 369.59 ล้านโดส (174.5%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 325.02 ล้านโดส (117.8%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (304.5%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (255.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. ชิลี (241.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
4. บาห์เรน (229.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
5. เกาหลีใต้ (225.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech J&J AstraZeneca/Oxford และ Moderna)
6. เดนมาร์ก (225.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ J&J)
7. มัลดีฟส์ (224.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
8. บรูไน (222.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)
9. กาตาร์ (222%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderma)
10. อิตาลี (219.5%) (ฉีดวัคซีนของ J&J, Pfizer/BioNTech Moderna และ AstraZeneca/Oxford)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.