"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 118,497,420 โดส และทั่วโลกแล้ว 10,300 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 922.3 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (112.1%)
➡️(10 กุมภาพันธ์ 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 10,300 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 23.4 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 545 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 213 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 922.3 ล้านโดส โดยบรูไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (94.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 326.9 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 118,497,420 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 64.67%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 10,300 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 118,497,420 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 52,611,215โดส (79.5% ของประชากร)
-เข็มสอง 49,066,498 โดส (74.1% ของประชากร)
-เข็มสาม 16,819,707 โดส (25.4% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ. 64 – 10 ก.พ. 65 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 118,497,420 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 507,602 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 3382,410 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 22,883,829 โดส
- เข็มที่ 2 3,598,324 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 13,791,049 โดส
- เข็มที่ 2 28,320,771 โดส
- เข็มที่ 3 4,458,396 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 7,523,083โดส
- เข็มที่ 2 7,214,706 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 7,695,702โดส
- เข็มที่ 2 9,157,626 โดส
- เข็มที่ 3 9,843,716 โดส
วัคซีน Moderna
- เข็มที่ 1 717,552 โดส
- เข็มที่ 2 775,071โดส
- เข็มที่ 3 2,517,595โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 114.2% เข็มที่2 112% เข็มที่3 165.7%
- อสม เข็มที่1 80% เข็มที่2 78.3% เข็มที่3 44.2%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 105.9% เข็มที่2 101% เข็มที่3 37%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 89% เข็มที่2 82.2% เข็มที่3 28.4%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.1% เข็มที่2 62.2% เข็มที่3 19.9%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 72.4% เข็มที่2 69.9% เข็มที่3 0%
- เด็กอายุ 5-11 ปี เข็มที่1 1.6% เข็มที่2 0.2% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 75.6% เข็มที่2 70.5% เข็มที่3 24.2%
5. 10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ครอบคลุมประชากรสูงที่สุด
1. ภูเก็ต เข็มที่1 89.9% เข็มที่2 87% เข็มที่3 63.6%
2. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 112.1% เข็มที่2 104% เข็มที่3 49.6%
3. นนทบุรี เข็มที่1 81.7% เข็มที่2 78.1% เข็มที่3 49.1%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 91.1% เข็มที่2 79.9% เข็มที่3 43%
5. ลำพูน เข็มที่1 80% เข็มที่2 75.8% เข็มที่3 35.6%
6. อยุธยา เข็มที่1 73% เข็มที่2 70.7% เข็มที่3 34.4%
7. ระยอง เข็มที่1 83.3% เข็มที่2 79.5% เข็มที่3 32%
8. นครปฐม เข็มที่1 76.2% เข็มที่2 75.5% เข็มที่3 29.5%
9. ชลบุรี เข็มที่1 82.1% เข็มที่2 78.5% เข็มที่3 29.1%
10. สระบุรี เข็มที่1 65.3% เข็มที่2 65.2% เข็มที่3 27.7%
10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ครอบคลุมประชากรต่ำที่สุด
1. นราธิวาส เข็มที่1 55.4% เข็มที่2 44.6% เข็มที่3 5.6%
2. ปัตตานี เข็มที่1 56.2% เข็มที่2 45.2% เข็มที่3 5.7%
3. บึงกาฬ เข็มที่1 62.9% เข็มที่2 55.5% เข็มที่3 7.8%
4. ยะลา เข็มที่1 62.5% เข็มที่2 52.2% เข็มที่3 8.1%
5. หนองบัวลำภู เข็มที่1 62.5% เข็มที่2 56.9% เข็มที่3 9.1%
6. สตูล เข็มที่1 63.5% เข็มที่2 59.8% เข็มที่3 10%
7. กาฬสินธุ์ เข็มที่1 65% เข็มที่2 59.5% เข็มที่3 10%
8. แม่ฮ่องสอน เข็มที่1 57.2% เข็มที่2 46.2% เข็มที่3 10.1%
9. สกลนคร เข็มที่1 64.7% เข็มที่2 58.2% เข็มที่3 11%
10. อำนาจเจริญ เข็มที่1 69% เข็มที่2 64.6% เข็มที่3 11.6%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 922,385,248 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 326,949,147 โดส (68%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 183,729,446 โดส (81.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ 129,125,464 โดส (54.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 118,497,420 โดส (79.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 64,434,353 โดส (80.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 42,030,270 โดส (41.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 34,591,074 โดส (85%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 13,049,391 โดส (92%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 8,999,398 โดส (65.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 979,285 โดส (94.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.47%
2. ยุโรป 10.40%
3. อเมริกาเหนือ 8.78%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.17%
5. แอฟริกา 3.57%
6. โอเชียเนีย 0.62%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 3,016.15 ล้านโดส (213.3% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,712.70ล้านโดส (124.2%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 544.82 ล้านโดส (162.5%)
4. บราซิล จำนวน 371.84 ล้านโดส (175.6%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 326.95 ล้านโดส (118.5%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (305.1%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (256.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. ชิลี (242.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
4. บาห์เรน (229.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
5. เกาหลีใต้ (226.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech J&J AstraZeneca/Oxford และ Moderna)
6. มัลดีฟส์ (226.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
7. เดนมาร์ก (225.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ J&J)
8. กาตาร์ (223%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderma)
9. บรูไน (222.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)
10. อิตาลี (220.4%) (ฉีดวัคซีนของ J&J, Pfizer/BioNTech Moderna และ AstraZeneca/Oxford)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.