"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 120,520,771 โดส และทั่วโลกแล้ว 10,454 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 938.3 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (112.5%)
➡️(16 กุมภาพันธ์ 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 10,454 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 27.5 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 548 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 214 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 938.3 ล้านโดส โดยบรูไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (94.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 333.3 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 120,520,771 โดส
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 10,407 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 120,520,771 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 52,876,077 โดส (79.9% ของประชากร)
-เข็มสอง 49,300,254 โดส (74.5% ของประชากร)
-เข็มสาม 18,344,440 โดส (27.7% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ. 64 – 16 ก.พ. 65 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 120,520,771 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 303,584 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 361,565 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 22,889,259 โดส
- เข็มที่ 2 3,598,662 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 13,827,542 โดส
- เข็มที่ 2 28,369,832 โดส
- เข็มที่ 3 4,709,900 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 7,531,414 โดส
- เข็มที่ 2 7,222,929โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 7,897,319 โดส
- เข็มที่ 2 9,317,725 โดส
- เข็มที่ 3 10,794,532 โดส
วัคซีน Moderna
- เข็มที่ 1 730,543 โดส
- เข็มที่ 2 791,106 โดส
- เข็มที่ 3 2,840,008 โดส
4. 10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ครอบคลุมประชากรสูงที่สุด
1. ภูเก็ต เข็มที่1 90.2% เข็มที่2 87.1% เข็มที่3 75.3%
2. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 112.5% เข็มที่2 104.3% เข็มที่3 56.1%
3. นนทบุรี เข็มที่1 81.9% เข็มที่2 78.2% เข็มที่3 53%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 91.3% เข็มที่2 80.2% เข็มที่3 48%
5. ลำพูน เข็มที่1 80.5% เข็มที่2 76.4% เข็มที่3 37.6%
6. อยุธยา เข็มที่1 73.6% เข็มที่2 71.1% เข็มที่3 37.1%
7. ระยอง เข็มที่1 83.8% เข็มที่2 80% เข็มที่3 34.8%
8. ชลบุรี เข็มที่1 82.4% เข็มที่2 78.8% เข็มที่3 31.7%
9. นครปฐม เข็มที่1 76.6% เข็มที่2 75.8% เข็มที่3 31.4%
10. ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 81.1% เข็มที่2 69.2% เข็มที่3 30%
10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ครอบคลุมประชากรต่ำที่สุด
1. นราธิวาส เข็มที่1 55.5% เข็มที่2 44.7% เข็มที่3 5.8%
2. ปัตตานี เข็มที่1 56.5% เข็มที่2 45.4% เข็มที่3 5.9%
3. บึงกาฬ เข็มที่1 63.1% เข็มที่2 55.8% เข็มที่3 7.9%
4. ยะลา เข็มที่1 62.6% เข็มที่2 52.3% เข็มที่3 8.4%
5. หนองบัวลำภู เข็มที่1 62.9% เข็มที่2 57.2% เข็มที่3 9.5%
6. สตูล เข็มที่1 64% เข็มที่2 59.9% เข็มที่3 10.3%
7. กาฬสินธุ์ เข็มที่1 65.3% เข็มที่2 59.9% เข็มที่3 10.7%
8. แม่ฮ่องสอน เข็มที่1 57.5% เข็มที่2 47.6% เข็มที่3 10.9%
9. สกลนคร เข็มที่1 65.2% เข็มที่2 58.8% เข็มที่3 11.4%
10. อำนาจเจริญ เข็มที่1 69.5% เข็มที่2 64.8% เข็มที่3 12%
5. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 9358,350,993โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 333,313,503 โดส (68.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 186,479,340 โดส (81.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ 132,013,140โดส (55.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 120,520,771 โดส (79.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 65,356,763 โดส (80.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 42,555,469 โดส (41.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 35,013,488 โดส (85.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 13,049,391 โดส (92%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 9,069,843 โดส (65.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 979,285 โดส (94.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
6. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.57%
2. ยุโรป 10.31%
3. อเมริกาเหนือ 8.73%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.18%
5. แอฟริกา 3.59%
6. โอเชียเนีย 0.62%
7. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 3,052.44 ล้านโดส (215.8% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,738.49ล้านโดส (126.1%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 547.99 ล้านโดส (163.4%)
4. บราซิล จำนวน 378.92 ล้านโดส (178.9%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 333.31ล้านโดส (120.8%)
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (306.5%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (257.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. ชิลี (243.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
4. มัลดีฟส์ (231.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
5. บาห์เรน (229.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. เกาหลีใต้ (229.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech J&J AstraZeneca/Oxford และ Moderna)
7. กาตาร์ (227.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderma)
8. เดนมาร์ก (225.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ J&J)
9. บรูไน (222.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)
10. อิตาลี (221.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna J&J และ AstraZeneca/Oxford)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.