"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 121,583,665 โดส และทั่วโลกแล้ว 10,545 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 952.1 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (112.8%)
➡️(20 กุมภาพันธ์ 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 10,545 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 26.9 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 550 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 215 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 952.1 ล้านโดส โดยบรูไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (94.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 338.4 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 121,583,665 โดส
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 10,545 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 121,583,665 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 53,100,356 โดส (80.2% ของประชากร)
-เข็มสอง 49,458,760 โดส (74.7% ของประชากร)
-เข็มสาม 19,024,549 โดส (28.7% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ. 64 – 20 ก.พ. 65 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 121,583,665 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 283,661 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 264,273 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 22,892,071 โดส
- เข็มที่ 2 3,598,846 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 13,846,640 โดส
- เข็มที่ 2 28,403,057 โดส
- เข็มที่ 3 4,800,945 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 7,535,319 โดส
- เข็มที่ 2 7,227,897 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 8,089,055 โดส
- เข็มที่ 2 9,421,212 โดส
- เข็มที่ 3 11,268,297 โดส
วัคซีน Moderna
- เข็มที่ 1 737,271 โดส
- เข็มที่ 2 807,748 โดส
- เข็มที่ 3 2,955,307 โดส
4. 10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ครอบคลุมประชากรสูงที่สุด
1. ภูเก็ต เข็มที่1 90.7% เข็มที่2 87.2% เข็มที่3 76.7%
2. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 112.8% เข็มที่2 104.5% เข็มที่3 58.5%
3. นนทบุรี เข็มที่1 82% เข็มที่2 78.3% เข็มที่3 54.7%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 91.5% เข็มที่2 80.5% เข็มที่3 50.4%
5. ลำพูน เข็มที่1 80.7% เข็มที่2 76.9% เข็มที่3 38.5%
6. อยุธยา เข็มที่1 73.9% เข็มที่2 71.3% เข็มที่3 38.5%
7. ระยอง เข็มที่1 84.1% เข็มที่2 80.3% เข็มที่3 36.5%
8. ชลบุรี เข็มที่1 82.7% เข็มที่2 78.9% เข็มที่3 33.1%
9. นครปฐม เข็มที่1 76.9% เข็มที่2 75.9% เข็มที่3 32.4%
10. ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 81.5% เข็มที่2 69.4% เข็มที่3 31%
10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ครอบคลุมประชากรต่ำที่สุด
1. นราธิวาส เข็มที่1 55.6% เข็มที่2 44.8% เข็มที่3 6%
2. ปัตตานี เข็มที่1 56.6% เข็มที่2 45.4% เข็มที่3 6%
3. บึงกาฬ เข็มที่1 63.4% เข็มที่2 56.1% เข็มที่3 8.1%
4. ยะลา เข็มที่1 62.8% เข็มที่2 52.3% เข็มที่3 8.5%
5. หนองบัวลำภู เข็มที่1 63% เข็มที่2 57.5% เข็มที่3 9.7%
6. สตูล เข็มที่1 64.4% เข็มที่2 60% เข็มที่3 10.5%
7. กาฬสินธุ์ เข็มที่1 65.9% เข็มที่2 60.1% เข็มที่3 11.2%
8. แม่ฮ่องสอน เข็มที่1 58% เข็มที่2 48.3% เข็มที่3 11.3%
9. สกลนคร เข็มที่1 65.5% เข็มที่2 59.1% เข็มที่3 11.6%
10. อำนาจเจริญ เข็มที่1 69.8% เข็มที่2 64.9% เข็มที่3 12.2%
5. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 952,139,576 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 338,404,616 โดส (68.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 190,919,218 โดส (81.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ 133,234,116 โดส (55.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 121,583,665 โดส (80.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 66,018,432 โดส (81.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 43,533,019 โดส (42.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 35,312,336 โดส (85.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 13,049,391 โดส (92%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 9,105,498 โดส (65.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 979,285 โดส (94.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
6. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.64%
2. ยุโรป 10.24%
3. อเมริกาเหนือ 8.71%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.20%
5. แอฟริกา 3.58%
6. โอเชียเนีย 0.63%
7. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 3,075.75 ล้านโดส (217.5% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,753.50 ล้านโดส (127.2%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 549.98 ล้านโดส (164%)
4. บราซิล จำนวน 384.11 ล้านโดส (181.4%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 338.40 ล้านโดส (122.7%)
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (307%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (258.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. ชิลี (245.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
4. มัลดีฟส์ (233.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
5. เกาหลีใต้ (229.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech J&J AstraZeneca/Oxford และ Moderna)
6. กาตาร์ (229.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderma)
7. บาห์เรน (229.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
8. เดนมาร์ก (226%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ J&J)
9. อิตาลี (223.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna J&J และ AstraZeneca/Oxford)
10. บรูไน (222.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.