ในอดีตกว่า 20 ปีที่ผ่านมา “เทคโนโลยีดาวเทียม” ถือว่าเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับประเทศไทย แม้จะมีการการตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการนำข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมมาใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านภัยพิบัติมากขึ้น แต่ประเทศไทยยังคงอยู่ในบทบาทของ “ผู้รับข้อมูลดาวเทียม” จากต่างประเทศเป็นหลัก และยังขาดองค์ความรู้หรือประสบการณ์ในด้านการพัฒนาดาวเทียมและเทคโนโลยีอวกาศด้วยตนเอง
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2543 เพื่อให้บริการภาพถ่ายจากดาวเทียมในขณะนั้นได้ริเริ่มโครงการพัฒนา “ดาวเทียม THOES-1” หรือ “ดาวเทียมไทยโชต” ขึ้น ด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลฝรั่งเศส โดยเป็นดาวเทียมสำรวจทรัพยากรดวงแรกของไทยที่ขึ้นสู่วงโคจรครั้งแรกเมื่อ 1 ตุลาคม 2551 และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศครั้งแรกในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม
หลังจากดาวเทียมไทยโชตผ่านการปฏิบัติภารกิจมาแล้วมากมาย ในการติดตามและสำรวจเชิงพื้นที่ร่วมกับดาวเทียมสำรวจจากทั่วโลก โดยเฉพาะการติดตามพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ อย่างเช่น ในช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2554 และการติดตามสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน
15 ปีต่อมา ... ดาวเทียม THOES - 2 ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรดวงที่ 2 ของประเทศไทย ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อ 9 ตุลาคม 2566 เพื่อทดแทนดาวเทียม ไทยโชตที่ปฏิบัติงานมานานจนใกล้จะหมดอายุการใช้งาน โดย THOES- 2 เป็นดาวเทียมที่ติดตั้งกล้องแบบออปติคัล
สามารถถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูงมากในระดับ 50 เซนติเมตร รองรับการใช้งานที่หลากหลาย โดยเฉพาะการติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ต้องการข้อมูลเชิงพื้นที่ที่มีรายละเอียดสูง
และในโครงการ THOES- 2 นี้เอง ได้มีการพัฒนา “ดาวเทียม THOES- 2A” ดาวเทียมขนาดเล็ก ควบคู่ไปด้วย โดยเปิดโอกาสให้ทีมวิศวกรชาวไทย ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและรับการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการจัดสร้างดาวเทียม ปัจจุบันการสร้างดาวเทียม THOES- 2A แล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างรอการนำส่งขึ้นสู่วงโคจรในเร็ว ๆ นี้
ขณะเดียวกัน GISTDA กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาดาวเทียม THOES- 3 ซึ่งเป็นดาวเทียมสำรวจทรัพยากรขนาดเล็ก ดวงที่ 4 ของประเทศไทย เพื่อมุ่งเน้นสนับสนุนภารกิจด้านการเกษตร โดยเป็นดาวเทียมดวงแรกที่ประกอบขึ้นในประเทศไทย ด้วยฝีมือการออกแบบของทีมวิศวกรไทยที่ต่อยอดองค์ความรู้จากการร่วมพัฒนา THOES- 2A อีกทั้งยังมีการใช้ชิ้นส่วนบางส่วนที่ผลิตโดยผู้ประกอบการไทย คาดว่าดาวเทียม THOES- 3 นี้จะสามารถพัฒนาแล้วเสร็จ พร้อมขึ้นสู่วงโคจรได้ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
เรียกว่าเกือบ 20 ปี กับการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าของดาวเทียม 3 ดวง ทั้งดาวเทียมหลัก ดาวเทียมขนาดเล็ก และดาวเทียมที่ใกล้หมดอายุ รวมถึงยังมีดาวเทียมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 1 ดวง
แต่ด้วย ความต้องการในการนำข้อมูลจากดาวเทียมไปใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งภาครัฐและเอกชน ดาวเทียมที่มีอยู่ในปัจจุบัน ถือว่ายัง “ไม่เพียงพอ” ที่จะตอบสนองต่อความจำเป็นในการใช้ประโยชน์ของประเทศทั้งในเชิงพื้นที่และเชิงเวลา
นอกจากนี้ดาวเทียมที่มีอยู่ยังมีข้อจำกัดด้านการถ่ายภาพ เช่น ถ่ายภาพได้เฉพาะเวลากลางวัน และไม่สามารถถ่ายทะลุเมฆได้ ทำให้ประเทศไทยยังต้องพึ่งพาข้อมูลจากดาวเทียมต่างประเทศ เช่น เรดาร์ (SAR Sensors ) ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์ด้านความต่อเนื่องและทันท่วงที
เพื่อตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ จำเป็นต้องมีการพัฒนา “ดาวเทียมสํารวจโลกของประเทศไทย” GISTDA จึง ขับเคลื่อน “โครงการพัฒนากลุ่มดาวเทียมสำรวจโลกของประเทศไทย” หรือ “THAILAND'S EARTH OBSERVATION SATELLITE CONSTELLATION” ขึ้น
โดยมีเป้าหมาย “ประเทศไทยควรมีกลุ่มดาวเทียมเพิ่มขึ้นอีก 12 ดวง ในระยะเวลา 6 ปี ”
“ดร.พรเทพ นวกิจกนก” ผู้อำนวยการศูนย์ผลิตดาวเทียมแห่งชาติ GISTDA กล่าวว่าโครงการดังกล่าวจัดทำขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเก็บข้อมูลเชิงพื้นที่ที่มีความละเอียดสูง เพิ่มประสิทธิภาพ ครอบคลุม ภารกิจ และเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมต่อเนื่องในประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมใน 3 มิติ คือ Industrial Economy , Empowering Knowledge Economy และ Smart Data Economy
ทั้งนี้การพัฒนา “ดาวเทียม 12 ดวงใน 6 ปีนับจากวันอนุมัติโครงการ” ได้ผ่านการวางแผนที่พิจารณาภาพรวมการทำงานเป็นกลุ่มร่วมกับดาวเทียมที่มีอยู่ ณ เวลานั้น ๆ ทั้งดาวเทียมของไทยและต่างประเทศ อย่างเช่น กลุ่มดาวเทียม THOES- 3 ซึ่งมีประมาณ 5 ดวง ถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับดาวเทียมกลุ่มอื่น ๆ เช่น ดาวเทียม Sentinel เพื่อให้ทำงานเสริมกัน ทำให้สามารถถ่ายภาพได้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น
“ด้วยข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ การออกแบบกลุ่มดาวเทียมดังกล่าว จึงเน้นที่ภารกิจเป้าหมายในแต่ละกลุ่มที่ชัดเจน โดยมีทั้งกลุ่มดาวเทียม แบบ ออปติคัล แบบเรดาร์และแบบตรวจจับความร้อน ขณะเดียวกันที่มาของดาวเทียมก็มีทั้งแบบทีมวิศวกรไทยเข้าร่วมพัฒนา เช่นเดียวกับดาวเทียม THOES- 2 การออกแบบเองแล้วจ้างผลิต และแบบจัดซื้อดาวเทียมจากต่างประเทศ ซึ่งจะมีเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาบุคลากรและอุตสาหกรรมอวกาศของประเทศไทย”
สำหรับดาวเทียมทั้ง 12 ดวง ถูกออกแบบเพื่อตอบโจทย์ 3 เรื่องหลักของประเทศ โดยกลุ่มดาวเทียม THOES-3 จำนวน 5 ดวงตอบโจทย์ภารกิจด้านการเกษตร กลุ่มดาวเทียม THOES-4 จำนวน 2 ดวง และ THOES-5 จำนวน 4 ดวงตอบโจทย์ภารกิจด้านภัยพิบัติและความมั่นคง ส่วนดาวเทียม THOES- 6 จำนวน 1 ดวง ตอบโจทย์ภารกิจด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ดร.พรเทพ บอกอีกว่า ภายใต้โครงการนี้วงเงินงบประมาณ อาจจะดูเหมือนสูงมาก เนื่องจากเป็นการพัฒนาพร้อมๆ กันทั้งระบบ ซึ่งในโครงการจะมีทั้งการจัดหากลุ่มดาวเทียมและปรับปรุงระบบสถานีรับสัญญาณ การเพิ่มศักยภาพของบุคลากรไทยผ่านการถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาและส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมของประเทศในด้านดาวเทียม และเทคโนโลยีอวกาศ และการพัฒนาระบบประยุกต์ใช้ประโยชน์ภูมิสารสนเทศจากภาพถ่ายดาวเทียม
หากแผนการพัฒนาโครงการเป็นไปตามเป้าหมาย ดร.พรเทพ บอกว่า ประเทศไทยนอกจากจะได้กลุ่มดาวเทียมสำรวจโลกและโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีอวกาศแล้ว บุคลากรไทยจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการร่วมสร้างดาวเทียมสมัยใหม่ สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ต่ำกว่า 3,000 คน ผู้ประกอบการในประเทศสามารถผลิตชิ้นส่วนหรือพัฒนาระบบย่อยเพื่อใช้งานในระบบ
ดาวเทียมตาม มาตรฐานสากล ไม่น้อยกว่า 100 บริษัท ทำให้เกิดระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และประยุกต์ใช้ประโยชน์ภูมิสารสนเทศจากภาพถ่ายดาวเทียมของหน่วยปฏิบัติตามภารกิจต่างๆ ได้อย่างประสิทธิภาพ
และที่สำคัญ คือ การเป็นเจ้าของข้อมูลจากดาวเทียม ซึ่งเป็นหลักประกันได้ว่าประเทศไทย จะสามารถเข้าถึงข้อมูลในพื้นที่ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที เพิ่มขีดความสามารถด้านอุตสาหกรรมอวกาศด้วยการเป็นเจ้าของเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน ซึ่งจะสร้างโอกาสให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นําด้านการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเเละบทความต่างๆของ GISTDA ได้ทางแฟนเพจของ GISTDA และช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ
ที่มา : สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.)
https://www.gistda.or.th/news_view.php?n_id=8795&lang=TH
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร (สอ.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880
E-mail : pr@mhesi.go.th
Facebook : @MHESIThailand
Instagram : mhesi_thailand
Tiktok : mhesi_thailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.