"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 30 มิถุนายน ฉีดวัคซีนแล้ว 9,672,706 โดส และทั่วโลกแล้ว 3,015 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 91.066 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ จังหวัดภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 69.14%”
➡️(30 มิถุนายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 3,015 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 43.3 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 325 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 154 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 88.726 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (55.6% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 42.744 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 9,672,706 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 47.8%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 3,015 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564
จัดสรรวัคซีนแล้วทั้งหมด 10,600,000 โดส
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 9,672,706 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 6,910,169 โดส (10.4% ของประชากร)
-เข็มสอง 2 2,762,537 โดส (4.2% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-30 มิ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 9,672,706 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 206,257 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 24,682 โดส
- เข็มที่ 2 19 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 3,332,135 โดส
- เข็มที่ 2 59,258 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 3,553,352 โดส
- เข็มที่ 2 2,703,260 โดส
3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 93.95% ไม่มีผลข้างเคียง
- 6.05% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 1.45%
- ปวดศีรษะ 1.08%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.78%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.70%
- ไข้ 0.47%
- คลื่นไส้ 0.33%
- ท้องเสีย 0.21%
- ผื่น 0.18%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.14%
- อาเจียน 0.09%
- อื่น ๆ 0.62%
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 105.9% เข็มที่2 94.3%
- อสม เข็มที่1 28.8% เข็มที่2 16%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 10.3% เข็มที่2 0.6%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 12.3% เข็มที่1 2.9%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 32.3% เข็มที่2 20.6%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 11.6% เข็มที่2 4.6%
รวม เข็มที่1 13.8% เข็มที่2 5.5%
5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 22.22% เข็มที่2 7.94% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 30.40% เข็มที่2 10.49%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 18.52% เข็มที่2 11.66%
- นนทบุรี เข็มที่1 17.59% เข็มที่2 7.19%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 15.06% เข็มที่2 3.72%
- ปทุมธานี เข็มที่1 9.55% เข็มที่2 3.36%
- นครปฐม เข็มที่1 5.52% เข็มที่2 1.87%
จังหวัดอื่นๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 5.50% เข็มที่2 2.17%
- ภูเก็ต เข็มที่1 69.14% เข็มที่2 54.53%
- ระนอง เข็มที่1 23.59% เข็มที่2 6.46%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 12.01% เข็มที่2 6.10%
- เกาะสมุย เข็มที่1 54.39% เข็มที่2 41.75%
- เกาะเต่า เข็มที่1 19.70% เข็มที่2 11.84%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 15.50% เข็มที่2 6.16%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 88,726,716 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 42,744,641 โดส (10.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
2. ฟิลิปปินส์ จำนวน 10,236,354 โดส (6.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V และ AstraZeneca
3. ไทย จำนวน 9,672,706 โดส (10.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
4. มาเลเซีย จำนวน 7,824,912 โดส (17.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
5. กัมพูชา จำนวน 7,093,483 โดส (24.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 5,365,803 โดส (55.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
7. เวียดนาม จำนวน 3,593,970 โดส (3.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
8. พม่า จำนวน 2,994,900 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
9. ลาว จำนวน 1,460,294 โดส (12,4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V
10. บรูไน จำนวน 79,554 โดส (15%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 62.73%
2. อเมริกาเหนือ 14.2%
3. ยุโรป 15.31%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 5.89%
5. แอฟริกา 1.57%
6. โอเชียเนีย 0.3%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,206.71 ล้านโดส (43.1% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. สหภาพยุโรป จำนวน 360.09 ล้านโดส (40.5%)
3. อินเดีย จำนวน 332.58 ล้านโดส (12.2%)
4. สหรัฐอเมริกา จำนวน 325.15 ล้านโดส (50.8%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (70.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
2. บาห์เรน (68.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
3. มัลดีฟส์ (67.2% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)
4. อิสราเอล (59.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
5. ชิลี (58.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. สหราชอาณาจักร (57.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
7. กาตาร์ (55.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech)
8. อุรุกวัย (55.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinovac)
9. มองโกเลีย (54.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และSputnik V)
10. ฮังการี (52.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.