"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 18 ตุลาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 65,677,794 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,674 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 456.97 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (105%)
➡️(18 ตุลาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,674 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 26.3 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 407 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 189 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 456.97 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (80.4% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 171.16 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 65,677,794 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.66%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,674 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 65,677,794 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 37,684,728 โดส (56.9% ของประชากร)
-เข็มสอง 26,042,573 โดส (39.3% ของประชากร)
-เข็มสาม 1,950,493 โดส (2.9% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 17 ต.ต. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 65,677,794 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 475,053 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 778,527 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 18,563,304 โดส
- เข็มที่ 2 3,518,933 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,544,061 โดส
- เข็มที่ 2 17,397,913 โดส
- เข็มที่ 3 1,455,510 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,289,403 โดส
- เข็มที่ 2 4,577,656 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 2,287,960 โดส
- เข็มที่ 2 548,071 โดส
- เข็มที่ 3 494,983 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.5% เข็มที่2 119.9% เข็มที่3 91.6%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.3% เข็มที่2 57.2% เข็มที่3 10.7%
- อสม เข็มที่1 73.9% เข็มที่2 66.2% เข็มที่3 8.3%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 64.8% เข็มที่1 48.4% เข็มที่3 1.9%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 49.5% เข็มที่2 32.5% เข็มที่3 1.8%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.3% เข็มที่2 48.6% เข็มที่3 0.4%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 14.8% เข็มที่2 10.3% เข็มที่3 0.1%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 25.3% เข็มที่2 0.2% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 52.3% เข็มที่2 36.2% เข็มที่3 2.7%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 105% เข็มที่2 69.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.6% เข็มที่2 53.7%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 81.4% เข็มที่2 76.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.7% เข็มที่2 68.4%
3. ชลบุรี เข็มที่1 75.6% เข็มที่2 55.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.8% เข็มที่2 56.6%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 70.8% เข็มที่2 51.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 91% เข็มที่2 69.5%
5. พังงา เข็มที่1 60.9% เข็มที่2 49.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.7% เข็มที่2 59.5%
6. ระนอง เข็มที่1 58.2% เข็มที่2 49.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.3% เข็มที่2 68%
7. เพชรบุรี เข็มที่1 56.4% เข็มที่2 41.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.5% เข็มที่2 52.2%
8. ระยอง เข็มที่1 54.9% เข็มที่2 38.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.1% เข็มที่2 48.8%
9. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 51.6% เข็มที่2 37.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.6% เข็มที่2 46.2%
10. บุรีรัมย์ เข็มที่1 51.5% เข็มที่2 41.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.4% เข็มที่2 57.7%
11. เชียงใหม่ เข็มที่1 51.2% เข็มที่2 32.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68% เข็มที่2 54.3%
12. ตราด เข็มที่1 50.6% เข็มที่2 34.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.9% เข็มที่2 52.5%
13. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 49.3% เข็มที่2 34.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60.2% เข็มที่2 53.9%
16. กระบี่ เข็มที่1 46% เข็มที่2 36.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.3% เข็มที่2 57%
17. หนองคาย เข็มที่1 41.4% เข็มที่2 29.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 59.8% เข็มที่2 44.4%
18. อุดรธานี เข็มที่1 41%เข็มที่2 25.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70% เข็มที่2 54.5%
19. เลย เข็มที่1 39.9% เข็มที่2 26.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 55.8% เข็มที่2 41.9%
รวม เข็มที่1 72.9% เข็มที่2 50.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.5% เข็มที่2 54.2%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 456,977,391 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 171,169,816 โดส (39.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. ไทย จำนวน 65,677,794 โดส (56.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
3. เวียดนาม จำนวน 60,518,594 โดส (44%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 52,303,905 โดส (25.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 47,838,886 (77.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 27,642,746 โดส (80.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 15,797,703 โดส (20.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 9,823,374 โดส (78.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 5,640,878 โดส (42.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 563,695 โดส (77%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.82%
2. ยุโรป 10.84%
3. อเมริกาเหนือ 9.55%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.22%
5. แอฟริกา 2.96%
6. โอเชียเนีย 0.61%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,229.21 ล้านโดส (79.6% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 977.92 ล้านโดส (35.8%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 406.57 ล้านโดส (63.5%)
4. บราซิล จำนวน 257.80 ล้านโดส (62.3%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 178.26 ล้านโดส (70.6%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (105.5%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (99.9% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (96.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. อุรุกวัย (92%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. บาห์เรน (91.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. ชิลี (89.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
7. อิสราเอล (87%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (85.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. จีน (79.6%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac และ CanSino)
10. สิงคโปร์ (78.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.