"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 17 ตุลาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 65,202,741 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,664 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 452.59 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (104.4%)
➡️(17 ตุลาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,664 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 26 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 407 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 189 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 452.59 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (80.3% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 168.38 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 65,202,741 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.73%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,664 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 65,202,741 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 37,446,713 โดส (56.6% ของประชากร)
-เข็มสอง 25,825,201 โดส (39% ของประชากร)
-เข็มสาม 1,930,827 โดส (2.9% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 17 ต.ต. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 65,202,741 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 1,063,719 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 809,017 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 18,466,907 โดส
- เข็มที่ 2 3,518,030 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,534,760 โดส
- เข็มที่ 2 17,244,607 โดส
- เข็มที่ 3 1,436,590 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,255,456 โดส
- เข็มที่ 2 4,514,982 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 2,189,590 โดส
- เข็มที่ 2 547,582 โดส
- เข็มที่ 3 494,237 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.4% เข็มที่2 119.8% เข็มที่3 91.4%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.1% เข็มที่2 56.7% เข็มที่3 10.2%
- อสม เข็มที่1 73.7% เข็มที่2 65.6% เข็มที่3 8.1%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 64.2% เข็มที่1 47% เข็มที่3 1.8%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 48.6% เข็มที่2 31.4% เข็มที่3 1.8%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60.9% เข็มที่2 47.5% เข็มที่3 0.4%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 14.7% เข็มที่2 10.1% เข็มที่3 0.1%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 20.2% เข็มที่2 0.2% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 51.3% เข็มที่2 35.1% เข็มที่3 2.6%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 104.4% เข็มที่2 68.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.5% เข็มที่2 52.4%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 81% เข็มที่2 76.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 717% เข็มที่2 68.1%
3. ชลบุรี เข็มที่1 75.3% เข็มที่2 55% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.7% เข็มที่2 56.5%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 70.7% เข็มที่2 50.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 90.9% เข็มที่2 69.3%
5. พังงา เข็มที่1 60.4% เข็มที่2 49.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.8% เข็มที่2 59.8%
6. ระนอง เข็มที่1 58.2% เข็มที่2 49.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.2% เข็มที่2 68%
7. เพชรบุรี เข็มที่1 56.3% เข็มที่2 41.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.5% เข็มที่2 52%
8. ระยอง เข็มที่1 54.6% เข็มที่2 38.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61% เข็มที่2 48.6%
9. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 51.4% เข็มที่2 41.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.3% เข็มที่2 57.3%
10. บุรีรัมย์ เข็มที่1 51.4% เข็มที่2 37% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.4% เข็มที่2 46.1%
11. เชียงใหม่ เข็มที่1 49.6% เข็มที่2 34.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.4% เข็มที่2 52.2%
12. ตราด เข็มที่1 48.6% เข็มที่2 34.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 59.9% เข็มที่2 53.5%
13. กระบี่ เข็มที่1 48.4% เข็มที่2 32.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67% เข็มที่2 54.1%
14. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 45.7% เข็มที่2 36.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.1% เข็มที่2 56.9%
15. หนองคาย เข็มที่1 41.3% เข็มที่2 28.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 59.6% เข็มที่2 42.5%
16. อุดรธานี เข็มที่1 40.8%เข็มที่2 25.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.9% เข็มที่2 54.3%
17. เลย เข็มที่1 39.6% เข็มที่2 26.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 55.5% เข็มที่2 41.9%
รวม เข็มที่1 72.5% เข็มที่2 50.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.4% เข็มที่2 53.4%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 452,599,938 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 169,387,517 โดส (38.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. ไทย จำนวน 65,202,741 โดส (56.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
3. เวียดนาม จำนวน 60,518,594 โดส (44%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 51,482,063 โดส (24.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 46,761,751 (75.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 27,491,726 โดส (80.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 15,797,703 โดส (20.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 9,787,176 โดส (78.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 5,606,972 โดส (42.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 563,695 โดส (77%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.86%
2. ยุโรป 10.85%
3. อเมริกาเหนือ 9.54%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.20%
5. แอฟริกา 2.95%
6. โอเชียเนีย 0.60%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,229.21 ล้านโดส (79.6% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 976.50 ล้านโดส (35.7%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 406.57 ล้านโดส (63.5%)
4. บราซิล จำนวน 256.43 ล้านโดส (62%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 178.26 ล้านโดส (70.6%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (104.2%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (99.9% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (96.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. อุรุกวัย (92%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. บาห์เรน (91%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. ชิลี (88.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
7. อิสราเอล (86.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (85.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. จีน (79.6%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac และ CanSino)
10. สิงคโปร์ (78.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.