เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. นางสาวสุชาดา ซาง แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้รับมอบหมายจาก นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.กระทรวง อว. ให้เข้าร่วมพิธีเปิดงานนิทรรศการศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สระบุรี 2568 (Chula Dairy Conference & Expo 2025 By AIC Chula Saraburi) และปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “การเกษตรก้าวไกลอย่างยั่งยืน จากงานวิจัยและนวัตกรรมจากหิ้งสู่ห้าง” โดยมี รศ.นายสัตวแพทย์ ดร.กิตติศักดิ์ อัจฉริยะขจร ผู้อำนวยการศูนย์ AIC จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สระบุรี กล่าวรายงาน และมีสัตวแพทย์ชุมพล บุญรอด ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีชีวภาพการผลิตปศุสัตว์ รศ.ดร.ยุทธนา ฉัพพรรณรัตน์ รองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายเลิศชัย สกลเสาวภาคย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ศ.สัตวแพทย์หญิง ดร.สันนิภา สุรทัตต์ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.น.สพ.ดร.ชัยเดช อินทร์ชัยศรี ผศ.น.สพ.ธนศักดิ์ บุญเสริม ผู้แทนสถานทูต นักวิจัย และผู้ประกอบการ เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 201 อาคารสระบุรี 4 ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
นางสาวสุชาดา กล่าวว่า เกษตรกรรมเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย และช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหาร สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม ภาคการเกษตรไทยยังเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โรคระบาดในพืชและสัตว์ และแรงกดดันจากการแข่งขันในตลาดโลก กระทรวง อว. จึงเดินหน้าผลักดันการนำ "วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม" มาเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเพื่อยกระดับภาคการเกษตรให้สามารถปรับตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืน และเดินหน้าสู่การเป็น "เกษตรอัจฉริยะ" อย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังได้ดำเนินนโยบายสำคัญคือ "อว. ส่วนหน้า" เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาเป็นศูนย์กลางเชิงพื้นที่ เชื่อมโยงงานวิจัยและนวัตกรรมสู่การพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน สำหรับจังหวัดสระบุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับบทบาทเป็น อว. ส่วนหน้า และผลักดันการจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) จังหวัดสระบุรี ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้จากการวิจัยมาประยุกต์ใช้ในพื้นที่จริง โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรมและปศุสัตว์
เลขานุการ รมว.อว. กล่าวต่อว่า กระทรวง อว. ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณการดำเนินการของศูนย์ AIC จุฬา-สระบุรี ผ่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถพัฒนาศักยภาพของศูนย์วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาโคนมในเขตร้อนชื้น (TDRC) คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนได้การรับรองจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เป็น “ศูนย์ความเป็นเลิศนวัตกรรมการผลิตโคนมและผลิตภัณฑ์นม” ที่มุ่งส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงโคนมในเขตร้อนชื้น โดยมีความร่วมมือกับหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรเกษตรกรในพื้นที่ อาทิ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย สมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารนมไทย สหกรณ์โคนม และชุมชนต่าง ๆ โดยศูนย์ AIC สระบุรี มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาชุมชนต้นแบบโคนมสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ทั้งห่วงโซ่คุณค่าน้ำนม ตามแนวคิด Bio-Circular-Green Economy (BCG) รวมถึงได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี IoT และ AI เพื่อช่วยติดตามและวิเคราะห์สุขภาพและพฤติกรรมโค การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ช่วยให้เกษตรกรสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ระบบพลังงานหมุนเวียนในฟาร์มช่วยลดต้นทุนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังจัดตั้งห้องปฏิบัติการวิเคราะห์คุณภาพน้ำนมและอาหารสัตว์ เพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตน้ำนมคุณภาพสูง ในด้านการวิจัย ศูนย์ TDRC ได้รับการสนับสนุนทั้งจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แหล่งทุนวิจัยภายในประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับบริบทของไทย โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิการผลิตเพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรด้วยองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถสำหรับรองรับการพัฒนาของอุตสาหกรรมโคนมในอนาคต นอกจากนี้ กระทรวง อว. ยังมีนโยบายสนับสนุนโครงการวิจัยและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตรในภาพรวมอีกหลายโครงการ เพื่อสร้าง “นวัตกรทางการเกษตร” และยกระดับการเกษตรไทยให้ก้าวไกลอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีการจัดทำโครงการนวัตกรรมงานบริการทางสัตวแพทย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพฟาร์มโคนม ด้วยการใช้องค์ความรู้ทางสัตวแพทย์ การประเมินและติดตามสุขภาพโคนม และดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพการผลิตของฟาร์มแบบองค์รวม ซึ่งเป็นการนำข้อมูลและเทคโนโลยีมาใช้ในการดูแลสุขภาพโคนมอย่างแม่นยำ ทำให้ช่วยเพิ่มผลผลิต ลดความสูญเสีย และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร พร้อมยกระดับคุณภาพและปริมาณน้ำนมของฟาร์ม
“ความร่วมมือระหว่าง AIC และ TDRC มีบทบาทสำคัญในการยกระดับผลผลิต สร้างรายได้มั่นคงให้เกษตรกร เสริมความมั่นคงทางอาหาร และลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ซึ่งตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามแผนพัฒนาจังหวัดสระบุรีและกรอบแผนพัฒนาภาคกลาง พ.ศ. 2566–2570 ได้อย่างชัดเจน โดยทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์จากการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมและชัดเจนบนพื้นฐานของการบูรณาการ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ชุมชน และที่สำคัญที่สุดคือพี่น้องเกษตรกร ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของกระทรวง อว. ที่ต้องการสร้างระบบเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งผ่านกลไกวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งในระดับจังหวัด ระดับประเทศ และระดับภูมิภาค รวมทั้งเชื่อมโยงสู่ตลาดอาเซียนและจีน พร้อมสร้างเครือข่าย AIC สู่ระดับสากล เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และสร้างนวัตกรรมทางการเกษตรในภูมิภาคต่อไป” นางสาวสุชาดา กล่าว
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.