เมื่อวันที่ 25 ส.ค. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และประธานกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (กวทช.) แถลงมอบนโยบายสำคัญให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เนื่องในโอกาสเข้าสู่วาระที่ 2 ของคณะผู้บริหาร สวทช. โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. ได้นำเสนอผลงานเด่นในวาระที่ 1 ที่พิสูจน์ศักยภาพในการสร้างผลกระทบยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนได้จริง และประกาศเดินหน้าเต็มกำลังด้วยวิสัยทัศน์ “สร้างชาติด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” และมี นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. คณะผู้บริหาร คณะกรรมการ กวทช. เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า สป.อว. (โยธี)
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า สวทช. คือขุมพลังหลักของประเทศในการวิจัย พัฒนา ออกแบบวิศวกรรม และถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่การใช้ประโยชน์ โดยมีภารกิจสำคัญในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปแก้ปัญหาสำคัญของประเทศ ตนขอมอบนโยบายให้ สวทช. นำไปขับเคลื่อนใน 2 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1.) การพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตั้งแต่การยกระดับเกษตรกรรมสมัยใหม่ การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การสร้างอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำที่เพิ่มการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ (Local Content) ไปจนถึงการพัฒนาเมืองน่าอยู่ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI และ 2.) การพัฒนากำลังคน ให้ สวทช. มุ่งพัฒนากำลังคนในทุกระดับ ตั้งแต่เยาวชน ครู นักศึกษา จนถึงนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญ โดยสนับสนุนทุนการศึกษาและฝึกอบรมในสาขาที่ประเทศต้องการ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า ปัญญาประดิษฐ์ และอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลัก ในการขับเคลื่อนกรอบการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมด้าน AI ในทุกมิติ
“ตนเชื่อมั่นว่า ด้วยความร่วมมือของคณะผู้บริหารและบุคลากร สวทช. ทุกคน กับการทำงานร่วมกับพันธมิตรภายนอกอย่างเข้มแข็ง ตลอดจนนโยบายเหล่านี้จะถูกขับเคลื่อนไปสู่ผลลัพธ์ที่จับต้องได้ และสร้างประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศอย่างยั่งยืน” รมว.อว. กล่าว
ด้าน ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในวาระที่ 1 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก สวทช. สามารถรับใช้สังคมและสร้างผลกระทบในวงกว้างได้อย่างเป็นรูปธรรม สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการขับเคลื่อนการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้จริงเพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน ในด้านการปฏิรูปบริการรัฐยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยดิจิทัล สวทช. ได้มีผลงานเด่นคือ Traffy Fondue (ทราฟฟี่ ฟองดูว์) ซึ่งเป็นมากกว่าแอปพลิเคชันรับแจ้งปัญหา แต่เป็นระบบนิเวศการบริหารจัดการเมืองที่ใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน ปัจจุบันถูกนำไปใช้แล้วใน 29 จังหวัดทั่วประเทศ ครอบคลุมประชากรกว่า 30-37 ล้านคน และมีส่วนราชการร่วมใช้งานกว่า 19,228 หน่วยงาน เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงช่วยลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อนและสร้างความโปร่งใสในการทำงานของภาครัฐ แต่ยังถูกพัฒนาให้เป็นเครื่องมือสำคัญในภาวะวิกฤต ขณะเดียวกันในมิติสาธารณสุข สวทช. ได้พัฒนาแพลตฟอร์มบริการการแพทย์ดิจิทัล Digital Healthcare โดยมีแพลตฟอร์มบริการการแพทย์ปฐมภูมิ เป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมต่อประชาชนกับหน่วยบริการปฐมภูมิใกล้บ้าน และช่วยลดภาระของโรงพยาบาลขนาดใหญ่และสนับสนุนนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีแพลตฟอร์มบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และแพลตฟอร์มนิรันดร์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่จะเป็นผู้ช่วยให้ผู้บริบาลสามารถติดตามและดูแลผู้สูงอายุในชุมชนได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้านการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร ทรัพยากร และเศรษฐกิจที่ยั่งยืน สวทช. ได้ใช้เทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงในการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวแห่งอนาคต ในด้านทรัพยากรพื้นฐาน สวทช. ได้จัดตั้งคลินิกคุณภาพน้ำ เพื่อจัดการกับวิกฤตน้ำอุปโภคบริโภคโดยตรง โดยได้พัฒนาเซนเซอร์ตรวจวัดสิ่งปนเปื้อนในน้ำ และเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพระบบผลิตน้ำประปาหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังได้พัฒนาฐานข้อมูลและตัวชี้วัดเพื่อ Net Zero และเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อเป็นเครื่องมือให้แก่ภาครัฐและเอกชนในการมุ่งสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ นอกจากนี้ ยังมีแพลตฟอร์ม Food SERP ที่ช่วยผู้ประกอบการไทย ยกระดับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอาหารและเวชสำอาง ยิ่งไปกว่านั้น ยังพัฒนาแพลตฟอร์ม Industry 4.0 Platform สนับสนุนอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อเพิ่มคุณภาพการผลิต โดยสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ยกระดับอุตสาหกรรม 4.0 แบบ ครบวงจร
ศ.ดร.ชูกิจ กล่าวต่อว่า ในวาระที่ 2 สวทช. จะรับเอาโจทย์ประเทศจากผู้ที่มีปัญหาจริง และนักวิจัยรวมพลังทำจริง สวทช. จับมือกับกระทรวงต่าง ๆ ทำเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ ที่มีหน้าที่บริการประชาชนทำได้ดีขึ้น โดยเดินหน้าทำงานผ่านวิสัยทัศน์และทิศทางการดำเนินงานในวาระที่ 2 คือ “สวทช. เป็นขุมพลังหลักด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน” ด้วย 4 กลยุทธ์ ได้แก่ 1.) ขับเคลื่อนแผน S&T Implementation for Sustainable Thailand ร่วมกับพันธมิตรสำคัญเพื่อขยายผลสู่การใช้ประโยชน์งานวิจัยในสังคม 2.) สร้างความเข้มแข็ง ความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีที่สำคัญเพื่อตอบโจทย์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ 3.) สร้างการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานของ สวทช. และพัฒนาบุคลากรด้าน วทน. และ 4.) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและวัฒนธรรมการทำงานที่ไร้รอยต่อเพื่อประโยชน์ของประเทศเป็นอันดับแรก
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.