เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2563 กรมประมง : กรมประมง และ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยมี นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง และ ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมลงนามความร่วมมือ “การวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมทางด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ”
เพื่อการดำเนินงานด้านการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม รวมทั้งการเชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนร่วมกันกำหนดทิศทางงานวิจัยและพัฒนาด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศทั้งระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของการแข่งขันในตลาดโลก และทำให้สัตว์น้ำไทยมีเอกลักษณ์เป็นอันดับหนึ่งของโลก ตลอดจนสนับสนุนให้มีการนำผลงานวิจัยมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีของทั้ง 2 หน่วยงาน ที่จะได้ร่วมมือกันเพื่อวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จากข้อมูลการวิเคราะห์สถิติการประมงของจังหวัด พบว่า ตัวเลขข้อมูลของสัตว์น้ำที่ใช้ดำเนินงานจะมาจาก 2 ส่วน คือ การจับสัตว์น้ำจืดจากธรรมชาติ ประมาณ 70% และระบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ประมาณ 30% กรมประมงจึงมีนโยบายในการวิจัยและพัฒนาในส่วนของระบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการอาหารของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพัฒนาองค์ความรู้ในการวิจัย การศึกษา และวิเคราะห์จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาระบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้เติบโจและเจริญก้าวหน้า มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของห่วงโซ่อาหารไปจนถึงกระบวนการแปรรูปอาหาร ความร่วมมือนี้เป็นความเชื่อมั่นว่า ผลงานที่จะเกิดขึ้นของ กรมประมง และ สวทช. จะตอบโจทย์ประเทศในรูปแบบใหม่ให้เติบโตด้วยการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) เพื่อสร้างธุรกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศสู่การแข่งขันในตลาดโลก เนื่องจาก กรมประมง มีศักยภาพในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และ สวทช. มีองค์ความรู้ด้านการวิจัยและพัฒนาที่จะสนับสนุนในเรื่องของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ดังนั้นการที่อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจะเจริญก้าวหน้าสู่อันดับแรก ๆ ของโลกได้นั้น จะต้องเกิดจากการร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง กรมประมง ยินดีที่จะมีความร่วมมือกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่จะพัฒนาร่วมกัน และเชื่อมั่นว่านี่คือ จุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลกต่อไปในอนาคต
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สวทช. มุ่งผลักดันให้ประเทศไทยแข็งแกร่งและก้าวสู่การแข่งขันบนเวทีเศรษฐกิจระดับโลก โดยการนำความสามารถทางด้าน วทน. มาสนับสนุนภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมให้สามารถดำเนินงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย สวทช. มีโปรแกรมการผลิตสัตว์น้ำและสุขภาพสัตว์น้ำ ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบวิจัยด้านเกษตรและอุตสาหกรรมชีวภาพ ทำงานเชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัย รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับการผลิตสัตว์น้ำเศรษฐกิจ โดยเน้นการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พึ่งพาทรัพยากรและวัตถุดิบภายในประเทศและเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตสัตว์น้ำของประเทศทั้งด้านคุณภาพและความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ครอบคลุมการวิจัยและพัฒนาในหลายด้าน เช่น ด้านการปรับปรุงพันธุ์ สวทช. มีงานวิจัยเกี่ยวกับการคัดเลือกพันธุ์โดยใช้เครื่องหมายโมเลกุล ด้านอาหารมีการพัฒนาการใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์เพื่อพัฒนาเป็นอาหารและสารเสริมภูมิคุ้มกันในสัตว์น้ำ รวมถึงการพัฒนาสูตรอาหารสัตว์น้ำโดยใช้เทคโนโลยีการเก็บสารสำคัญ ด้านระบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมีการพัฒนางานวิจัยด้านระบบอัจฉริยะที่ช่วยเกษตรกรติดตามดูแลคุณภาพน้ำในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเศรษฐกิจ อันประกอบด้วย 3 เทคโนโลยีหลักคือ ระบบบริหารจัดการคุณภาพน้ำ อุปกรณ์ตรวจวัดปริมาณสารเคมี อุปกรณ์ตรวจวัดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย รวมไปถึงงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคและสุขภาพสัตว์น้ำ เช่น การพัฒนานาโนวัคซีนเพื่อป้องกันโรคในสัตว์น้ำ เป็นต้น
ซึ่งความร่วมมือนี้ จะเป็นการดำเนินงานวิจัยทางด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมทั้งการเชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือทั้งภาครัฐและภาคเอกชน การพัฒนาบุคลากร ตลอดจนร่วมกันกำหนดทิศทางงานวิจัยและพัฒนาด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางอาหารของประเทศ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก และการทำให้สัตว์น้ำไทยมีเอกลักษณ์เป็นที่หนึ่งของโลก ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในปัจจุบันที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของผลผลิตจากการจับสัตว์น้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติ และการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก ทำให้มีการพัฒนาวิธีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่หลากหลาย การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำดังกล่าวบางครั้งอาจได้รับผลกระทบจากสภาวะแวดล้อมไม่เหมาะสม การเกิดโรคระบาด ที่อาจส่งผลต่อระบบการเลี้ยงสัตว์น้ำได้ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยถือว่า เป็นประเทศที่มีจุดแข็งในเรื่องของภูมิประเทศที่ค่อนข้างมีความหลากหลายทางชีวภาพ มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ มีผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยด้านสัตว์น้ำ เกษตรกรในประเทศไทยมีความเชี่ยวชาญในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมทั้งภาคเอกชนมีความเข้มแข็งเข้าถึง วทน. และตลาดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่อยู่เสมอ ทำให้มีโอกาสในการพัฒนาธุรกิจทางด้านสัตว์น้ำให้เติบโตขึ้นได้
ปัจจุบัน สวทช. เริ่มมีงานวิจัยที่ทำร่วมกับกรมประมงบ้างแล้ว เช่น โครงการ “การปรับปรุงลักษณะการเจริญเติบโตปลานิลในระบบการเลี้ยงแบบน้ำหมุนเวียน” ที่ดำเนินการอยู่ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำปทุมธานี โครงการ “ผลของการใช้ถั่วเหลืองเป็นแหล่งโปรตีนทดแทนปลาป่นในอาหารเม็ดสำเร็จรูปต่ออาการขี้ขาวของกุ้งขาวแวนนาไม” ซึ่งผลงานวิจัยบางส่วนนี้ นำมาสู่การเชื่อมโยงกับการทำงานร่วมกัน เพื่อเป็นแนวทางนำผลงานวิจัยที่เข้มแข็งไปประยุกต์ใช้และสนับสนุนอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน” ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล กล่าว
ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมสัตว์น้ำไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกด้วยการใช้ วทน. มาช่วยยกระดับประสิทธิภาพด้านต่าง ๆ ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำทั้งประเทศและเป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.