มว. จับมือ สตช. จัดพิธีแถลงข่าว “โครงการเพิ่มศักยภาพการบังคับใช้กฎหมาย “เมาแล้วขับ” ด้วยระบบมาตรวิทยา” เพื่อเป็นการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของพันธกิจไปสู่ภาคสังคม เพื่อสร้างความมั่นใจ ในเทคนิคและกระบวนการการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ตลอดจนการนำผลลัพธ์ที่ได้ไปใช้เป็นข้อบังคับทางด้านกฎหมาย พร้อมส่งมอบ วัสดุอ้างอิงประเภทก๊าซแอลกอฮอล์มาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบเครื่องมือวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ผลิตโดยสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติพร้อมอุปกรณ์ ให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันที่ 19 ธันวาคม 2562 ณ ห้องประชุมแสงสิงแก้ว ชั้น 2 กองบังคับการตำรวจราจร (บก.จร.) ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ
ปัจจุบันประเทศไทย มีอัตราการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ จากอุบัติเหตุทางท้องถนนโดยมีสาเหตุหลักจากการเมาแล้วขับ เนื่องจากปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมีผลทำให้ประสิทธิภาพในการควบคุมยานพาหนะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งที่ประเทศไทยมีการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับที่ 16 พ.ศ. 2537 ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ข้อ 1 (1) การทดสอบผู้ขับขี่ว่าเมาสุราหรือไม่ ให้ใช้เครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือด โดยวิธีเป่าลมหายใจ (Breath Analyzer Test) ถ้ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ให้ถือว่าเมาสุรา ซึ่งกฎหมายดังกล่าวนำมาใช้ปฏิบัติแล้วเป็นเวลากว่า 24 ปี แต่อัตราการเสียชีวิตจากการเมาแล้วขับยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่ไม่สามารถควบคุมอัตราการสูญเสียจากการเมาแล้วขับได้ถึงแม้จะมีการประกาศใช้กฎหมาย คือ ผู้บังคับใช้กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและปฏิเสธไม่ได้ว่าความน่าเชื่อถือของค่าการวัดจากเครื่องมือที่อ่านได้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้บังคับใช้กฎหมายไม่มั่นใจในการจับกุมที่อาจจะนำมาซึ่งข้อพิพาทในกรณีผลการตรวจวัดที่ไม่ถูกต้องตามหลักการ ดังนั้นหากผู้บังคับใช้กฎหมายมีความเข้าใจในการใช้เครื่องมือและการดูแลรักษาเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจ รวมถึงเครื่องมือได้รับการสอบเทียบตามหลักการทางมาตรวิทยาแล้ว จะส่งผลให้ผู้บังคับใช้กฎหมาย ณ จุดตรวจวัดปริมาณระดับแอลกอฮอล์ในเลือด สามารถบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวได้อย่างจริงจัง ทำให้จำนวน ผู้ขับขี่ที่เมาสุราบนท้องถนนลดลง
ด้วยเหตุนี้ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (มว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลระบบการวัดของชาติให้มีคุณภาพและมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยฝ่ายมาตรวิทยาเคมีและชีวภาพ ได้มีแนวคิดริเริ่มโครงการบูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในการจัดทำ “โครงการเพิ่มศักยภาพการบังคับใช้กฎหมาย “เมาแล้วขับ” ด้วยระบบมาตรวิทยา” เพื่อวิจัยและพัฒนาวัสดุอ้างอิง (TRM) สำหรับใช้ทวนสอบเครื่องเป่าแอลกอฮอล์ให้สามารถวัดค่าได้ถูกต้องในการใช้งาน รวมถึงจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ พัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องให้สามารถ ใช้งาน และดูแลเครื่องมือวัดได้อย่างถูกต้องเหมาะสมเป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งการจัดทำโครงการดังกล่าว จะก่อให้เกิดความมั่นใจในการใช้เครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดด้วยวิธีเป่าลมหายใจที่จะนำมาบังคับใช้กับประชาชนว่าจะให้ผลการตรวจวัดที่มีความเที่ยงตรงและแม่นยำขณะใช้งาน เนื่องจากมี การสอบกลับได้ทางการวัด (Measurement Traceability ) ที่อ้างอิงหน่วย SI ที่นานาชาติยอมรับ ตลอดจนสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายและการอำนวยความยุติธรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีการส่งมอบนวัตกรรมวัสดุอ้างอิงประเภทก๊าซแอลกอฮอล์มาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบเครื่องมือวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ผลิตโดยสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ และพร้อมใช้งานได้ทันที โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่ใกล้จะถึงนี้
ทั้งนี้เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์พันธกิจของโครงการดังกล่าว มว. และ สตช. จึงมีแนวคิดการจัดพิธีแถลงข่าว “โครงการเพิ่มศักยภาพการบังคับใช้กฎหมาย “เมาแล้วขับ” ด้วยระบบมาตรวิทยา” เพื่อเป็นการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของพันธกิจไปสู่ภาคสังคม เพื่อสร้างความมั่นใจในเทคนิคและกระบวนการการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ ตลอดจนการนำผลลัพธ์ที่ได้ไปใช้เป็นข้อบังคับทางด้านกฎหมาย โดยพิธีแถลงข่าวจัดขึ้นในวันดังกล่าว ณ ห้องประชุมแสงสิงแก้ว ชั้น 2 กองบังคับการตำรวจราจร (บก.จร) ถนน วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ โดยมี นางอัจฉรา เจริญสุข ผู้อำนวยการสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงานส่งมอบวัสดุอ้างอิงประเภทก๊าซแอลกอฮอล์มาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบเครื่องมือวัดปริมาณแอลกอฮอล์พร้อมอุปกรณ์ ให้แก่ พล.ต.ต. คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผู้บังคับการตำรวจจราจร ตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำไปใช้ทวนสอบเครื่องมือวัดได้อย่างถูกต้องแม่นยำในการใช้งานต่อไป
ข่าวโดย :
กลุ่มสือสารองค์การ (ประชาสัมพันธ์)
สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ
0 2577 5100 ต่อ 4226-7
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.