รมว.อว. มอบนโยบายฯ ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย

23 สิงหาคม 2563 : ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มอบนโยบายการบริหารงานกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แก่ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยและสมาคมที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ในการประชุมสามัญที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 3/2563 และการประชุมสามัญสมาคมสถาบันการศึกษาขั้นอุดมแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจําประเทศไทย (สออ. ประเทศไทย) ครั้งที่ 1/2563 ณ ศูนย์ประชุมมหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จังหวัดนครปฐม

รมว.อว. กล่าวในที่ประชุมว่า รัฐบาลอยากให้มหาวิทยาลัยมีบทบาทมากขึ้น มีปัจจัย องค์กร รวมถึงทรัพยากรที่เกื้อหนุนกันและกันให้มากขึ้น มีศักยภาพสูงขึ้น รัฐบาลฝากความหวังไว้ที่เรา มหาวิทยาลัยไม่ใช่เพียงแหล่งสอน วิจัย หรือนวัตกรรมเท่านั้น แต่เราเกี่ยวข้องกับเยาวชนในวัย 18-22 ปี ท่านนายกรัฐมนตรีฝากให้เรา ติดตาม ดูแล ประคับประคอง อย่าให้เกิดอะไรที่ไม่ควรจะเกิด

         มหาวิทยาลัยทำงานในระยะปานกลางและระยะยาวเป็นหลัก แต่ก็มีเรื่องเฉพาะหน้าที่สำคัญ 2-3 ประการ เรื่องแรกคือเราได้เห็นยุคที่เยาวชนตื่นตัวทางการเมือง มีความคิดที่ดีและถูกต้องในหลายๆเรื่อง งานสร้างเยาวชนเป็นงานที่สำคัญของมหาวิทยาลัย อยากให้อธิการบดีเข้าไปดูแลเรื่องงานเยาวชน การพัฒนา การสร้างเยาวชน การนำพาเยาวชน เพราะเป็นระยะหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ เราควรจะเห็นนิสิตนักศึกษาของเราที่ไม่ใช่แค่เพียงนักศึกษา หรือนักวิจัยเท่านั้น เราต้องเห็นเขาเป็นเยาวชน การเรียนรู้หลายๆ อย่างแตกต่างจากยุคก่อน เราควรต้องปฏิบัติต่อเยาวชนเหล่านี้อย่างปราณีต นุ่มนวล ด้วยความปรารถนาดี บ่มเพาะให้เขาเป็นผู้ใหญ่ที่สำคัญกับบ้านเมืองต่อไปในอนาคต ควรสนับสนุนงานเยาวชน ส่งเสริมในทุกๆ ความสนใจตามรสนิยมและยุคสมัยของเขา นอกจากฟังเสียงเขาแล้ว เราต้องทำอย่างไรให้เขากลับมารวมกับคนรุ่นก่อนให้ได้ เราจะต้องใช้ความพยายามและความอดทน มหาวิทยาลัยจะมีส่วนอย่างมากที่จะทำให้เด็กในวัยนี้ไปสู่ความสำเร็จ เราไม่ได้ปิดกั้นข้อเสนอหรือคำวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้น ต้องไม่ไปขัดขวาง ซึ่งเป็นการให้เกียรติพวกเขา เพราะเขาคือพลเมืองของประเทศ เป็นคนรุ่นใหม่ที่บริสุทธิ์เต็มไปด้วยความปรารถนาดี แต่อยากให้ระมัดระวังในเรื่องการก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างมากต่อชาวมหาวิทยาลัย สิ่งที่เราควรจะเตือนคือ ให้คิดถึงกฎหมายเป็นสำคัญ ท่านทั้งหลายที่สามารถพูดคุยกับเด็กได้ ขอให้พูดคุยให้เขาได้เข้าใจ

เรื่องที่สอง ในช่วงโควิดที่ผ่านมา อว. มีบทบาทอย่างมาก เรามีผลงานหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องโควิด คนของ อว. และคนในอุดมศึกษามีบทบาทที่สำคัญ อยากให้ท่านที่อยู่ในมหาวิทยาลัยที่เป็นเลิศหรือกำลังจะเป็นเลิศในทางที่เกี่ยวข้องกับโควิด พยายามทำให้ดีที่สุด แสดงออกมาให้ประชาชนได้เห็น ให้ประเทศได้ประโยชน์จากการทำงานของเรา

เรื่องที่สาม รัฐบาลกำลังจะผลักดันนโยบาย “ขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน” การพัฒนาประเทศจากส่วนกลางแต่เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ จำเป็นจะต้องมีการพัฒนาจากจังหวัดให้มากขึ้น มีการจัดตั้งกรรมการพัฒนาจังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน มีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรวมทั้งมหาวิทยาลัยที่อยู่ในจังหวัดนั้นๆ รวมทั้งภาคธุรกิจ ภาคสังคม ปราชญ์ชาวบ้าน โดยให้รัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษาให้จังหวัด อว. ควรจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อจะช่วยทั้ง 77 จังหวัด ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความรู้ การวิจัย นวัตกรรม หลังจากนี้คงจะต้องมีการหารือกับผู้บริหารในกระทรวงเพื่อจัดสรรการดูแลให้ครอบคลุมทั้งประเทศ ประเด็นสำคัญ คือ จะผลักดันให้กระทรวง อว. เป็นกระทรวงของการปฏิบัติ ไม่ใช่สอนเพื่อความเป็นเลิศในการสอน วิจัยเพื่อความเป็นเลิศในการวิจัย ทำนวัตกรรมเพื่อความเป็นเลิศในทางนวัตกรรม แต่เราจะทำอย่างไรให้การสอนไปสู่ภาคปฏิบัติให้มากขึ้น สอนคนแล้วออกไปทำงานได้ มีงานทำที่ดีกว่าเดิม ทำให้ประเทศมีผลิตภาพและสร้างสรรค์มากขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้นเราต้องสอนเพื่อให้คนไปสู่ภาคปฏิบัติให้ได้ ไม่ได้สอนจากความรู้หรือการฝึกฝนของเราเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องสอนจากความต้องการของประเทศ ชุมชน สังคม รวมไปถึงงานวิจัยและนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจะต้องเกิดประโยชน์กับประเทศ สังคม ท้องถิ่นด้วย ที่สำคัญคืออยากให้ทั้งส่วนของอุดมศึกษา และวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมมีการใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันให้มากขึ้น การผนึกกำลังกันจะทำให้ภาคธุรกิจได้เห็นศักยภาพของอุดมศึกษา งานวิจัยและนวัตกรรม ดึงดูดให้ภาคธุรกิจเข้ามาสนับสนุนทรัพยากรในการวิจัย ให้ภาคธุรกิจได้ตระหนักในการใช้องค์ความรู้เข้าไปช่วยในการเติบโต

“เราจะต้องพยายามทำให้มหาวิทยาลัยเป็นอิสระให้มากขึ้น เป็นอิสระในทางวิชาการแต่ต้องรับผิดชอบต่อบ้านเมือง สอนให้เด็กมีทั้งความสร้างสรรค์ และรู้จักขอบเขต การวิจัยและนวัตกรรมต้องเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ แต่ไมได้ห้ามในการวิจัยพื้นฐานเพราะยังเป็นสิ่งสำคัญ มหาวิทยาลัยอาจจะต้องจัดสัดส่วนให้ถูกต้องกับสภาพของแต่ละมหาวิทยาลัย” รมว.อว.กล่าวในตอนท้าย

ถ่ายภาพ : อินทิรา บัวลอย
เขียนข่าว : วีนัส แก้วประเสริฐ

เผยแพร่ข่าว   : ปราณี ชื่นอารมณ์
กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สป.อว.(ภารกิจด้านการอุดมศึกษา)
ถนนศรีอยุธยา ราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
www.facebook.com/opsMHESI/