เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 กระทรวงอุตสาหกรรม จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ 2 ฉบับ โดยมี นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กระทรวงศึกษาธิการ และศาสตราจารย์ นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นผู้ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการสร้างและพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ระหว่าง กระทรวง อว. โดย ดร. ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมลงนาม ณ ห้องประชุม อก 1 ชั้น 2 สำนักปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สืบเนื่องจากนโยบายด้านการขับเคลื่อน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาล ยานยนต์ไฟฟ้า เป็น 1 อุตสาหกรรมเป้าหมายเดิม ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ และสอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยให้เป็นเมืองสะอาด ตลอดจนนำพาประเทศสู่โลกยานยนต์สมัยใหม่ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการกำหนดเป้าหมายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ปี 2573 จำนวนร้อยละ 30 ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมด ซึ่งเป้าหมายดังกล่าว จำเป็นต้องพึ่งพาแรงงาน และบุคลากรที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงเกิดเป็นความร่วมมือระหว่าง 3 กระทรวงใหญ่ในการร่วมกันผลักดันให้เกิดการพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่
เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการวิเคราะห์และสังเคราะห์ทักษะฝีมือและวิชาการขั้นสูง การกำหนด กรอบคุณวุฒิวิชาชีพ หลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน เพื่อสร้างกำลังคนทักษะฝีมือและวิชาการขั้นสูง ที่สอดคล้องกับการพัฒนาเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมทางวิชาการให้แก่ ครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มพูนทักษะให้ตรงตามความต้องการของสถานประกอบการหรือกิจการที่จะเข้ามาลงทุนใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ รวมทั้งสร้างแพลตฟอร์ม (Platform) กลาง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างหน่วยงานภาคอุตสาหกรรม และหน่วยงานภาคการศึกษา เพื่อเป็นข้อมูลกลางด้านจำนวนกำลังคนและช่องว่างทางทักษะ (Skills Gap) ของกำลังคนในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่
นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการ สอศ. กล่าวว่า สอศ. เป็นหน่วยงานหลักในการผลิตแรงงานเพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม มีความยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายร่วมกับอีกสองหน่วยงาน และภาคเอกชน ซึ่งปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีนโยบายขับเคลื่อนโครงการศูนย์การเรียนรู้ หรือ Excellent Center (EC) สำหรับการฝึกทักษะอาชีพให้แก่นักศึกษา โดยมีเป้าหมายที่จะขยายการพัฒนาให้ครอบคุลม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) และในอนาคตวางเป้าหมายเปิดศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ (HCEC) โรงเรียนต้นแบบแห่งแรก เพื่อเป็นศูนย์กลางการสร้างความร่วมมือระหว่างโรงเรียนเอกชนในระดับภูมิภาค มุ่งพัฒนาศักยภาพบุคคลสู่ความเป็นเลิศตามมาตรฐานสากล นอกจากนั้นแล้ว สอศ. ยังมีหลักสูตรสำคัญที่เปิดสอนในปีการศึกษา 2564 คือ สาขาวิชาเทคนิคเครื่องกล สาขางาน (ย่อย) เทคนิคยานยนต์ไฟฟ้ารวมทั้งหมด 14 วิทยาลัย ซึ่งสามารถต่อยอดด้านกำลังผลิตได้อย่างเต็มที่
“ปัจจุบัน สอศ. มีการทำความร่วมมือทวิภาคร่วมกับบริษัทผลิตแบตเตอรี่รถยนต์หลายบริษัท ซึ่งอยู่ในโครงการ EC โดยได้ร่วมมือกับวิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทราในสังกัดของ สอศ. ดำเนินโครงการ EC ในด้านยานยนต์ ดังนั้นทางอาชีวศึกษามีความพร้อมในการผลิตนักศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ผลิต อย่างไรก็ตามการผลิตนักศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการนั้นยังคงต้องคำนึงถึงโอกาสในการประกอบอาชีพหลังสำเร็จการศึกษา ว่าจะสามารถรองรับจำนวนนักศึกษาจบใหม่ได้ครบถ้วนหรือไม่”
เลขาธิการ สอศ. กล่าวต่อว่า ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนการพัฒนา/เพิ่มหลักสูตรที่ รมว.ศธ. ได้วางนโยบายไว้ 3 เรื่อง คือ ปลดล็อก ปรับเปลี่ยน และเปิดกว้าง (3 ป.) เพื่อยกระดับการศึกษาสู่ความเป็นเลิศนั้น สอศ. ต้องการนำนโยบายดังกล่าวมาประยุกต์ใช้กับองค์กร โดยเฉพาะเรื่องการผลิตนักศึกษาให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการ โดยประเด็นแรกที่ สอศ. เห็นควรให้เกิดการปลดล็อก คือ ครู โดยต้องการให้เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และศักยภาพพร้อมเป็นผู้ให้การเรียนการสอนแก่นักศึกษา สามารถปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการขององค์กรให้ตอบสนองความต้องการของภาคการผลิตให้มากขึ้น โดยคาดว่าหลักสูตรที่ปรับปรุงเรียบร้อยแล้วจะนำเสนอต่อสภาการอุดมศึกษาให้การรับรองต่อไป
ศาสตราจารย์ นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. กล่าวว่า อุทยานวิทยาศาสตร์เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนภาคเอกชนให้เข้ามาทำวิจัยและพัฒนาร่วมกับนักวิจัย นักวิชาการ เรามีอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยที่รังสิต อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคที่สงขลา เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา และเครือข่ายรวม 44 แห่ง ทั่วประเทศ จะสามารถช่วยในการสนับสนุนข้อมูล การใช้ห้องปฏิบัติการเครื่องมืออุปกรณ์ โรงงานต้นแบบ ให้กับผู้ประกอบการที่เป็นเครือข่ายเพื่อส่งเสริมและพัฒนาต่อยอดให้ธุรกิจอุตสาหกรรมมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น โดยการสนับสนุนดังกล่าว จะสามารถลดต้นทุน พร้อมทั้งยกระดับประสิทธิภาพการผลิตด้วยความช่วยเหลือของนักวิจัยระดับชาติ ส่งต่องานวิจัยจากหิ้งสู่ห้างได้สำเร็จ โดยผ่านกระบวนการเชื่อมโยงกับหน่วยงานในระดับจังหวัด ในการขยายผลขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจฐานรากได้อย่างยั่งยืนต่อไป ไม่เพียงแต่ความพร้อมในการสนับสนุนข้อมูลและการใช้ห้องปฏิบัติการเครื่องมืออุปกรณ์เท่านั้น ยังมีความพร้อมให้ความร่วมมือในการสนับสนุนกิจกรรมทางวิชาการระหว่างอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาและบุคลากรจากสถานประกอบการ เพื่อเพิ่มพูนทักษะและพัฒนาองค์ความรู้และงานวิจัย รวมทั้งการผลิตกำลังคนให้เป็นบัณฑิตพันธุ์ใหม่ที่มีทักษะ ความสามารถในด้านการคิดวิเคราะห์ แก้ไขปัญหา การพัฒนาและมีสมรรถนะความเชี่ยวชาญที่เป็นสากล ตรงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและสถานประกอบการ เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตให้กับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีการกำหนดข้อมูลความต้องการด้านทักษะ สมรรถนะของกำลังคนในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่จากกระทรวงอุตสาหกรรมและสถานประกอบการ สถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ยินดีให้ความร่วมมือและพร้อมที่จะปรับกระบวนการจัดการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาคนให้มีทักษะ สมรรถนะที่ตอบโจทย์ของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตในอนาคต
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.