รมว.อว. ตั้งธงเตรียมจัดตั้งวิทยสถานทางวิทยาศาสตร์ (Academy of Science) ดำเนินงานในลักษณะแซนด์บ๊อกซ์
มุ่งยกระดับการผลิตนักวิจัยในศาสตร์ต่างๆ
โดยที่อยากเห็นมากที่สุดคือ BCG ซึ่งเป็นโมเดลสากล และให้มองการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเป็นโอกาสใหม่ที่จะทำให้ลดช่องว่างและเข้าสู่ยุค 4.0 ได้
รวมทั้งแนะปั้นช้างเผือกในป่าลึกให้เป็นอีลิทใหม่ในสังคมไทยที่สามารถขยับฐานะทางสังคมให้ดีขึ้น
ศ.พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานการประชุมหารือแผน กรอบงบประมาณ ผลสัมฤทธิ์ และระบบบริหารจัดการทุน ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566-2670 ณ ห้องประชุม อว. โดยมี รศ. ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำคณะผู้บริหารและหน่วยบริหารและจัดการทุน (PMU) ต่างๆ ร่วมหารือ
รมว.อว. กล่าวว่า PMU มีความสำคัญมากเพราะเป็นผู้เลือกงานวิจัยที่จะให้ทุนและสนับสนุนการวิจัย หลายสิบปีที่ตนอยู่ในอุดมศึกษาและเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นการทำงานจากระดับล่างขึ้นบน ระยะแรกที่พัฒนา ววน. ต้องสร้างความพร้อมและความลุ่มลึกแก่นักวิจัยในแต่ละศาสตร์ แต่เมื่อเวลาผ่านไปมีความพร้อมเกือบทุกศาสตร์แล้วจึงต้องนำงานวิจัยและนวัตกรรมในศาสตร์ต่างๆ ไปพัฒนาบ้านเมืองตามทิศทางที่ต้องการ หัวใจคือ ในปี 2580 ไทยต้องเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วให้ได้ ดังนั้นแต่ละ PMU ต้องรับไปคิดต่อว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย นอกจากนี้ อว. ยังได้ทำแผนอุดมศึกษา และแผน ววน. ซึ่งผ่านสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไปแล้ว ตอกย้ำว่าภายในปี 2570 อว. จะต้องเป็นกลไกสำคัญที่ผลักดันให้ประเทศเข้าสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้วให้ได้ เรามีเวลาเหลืออีกเพียง 6 ปีจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยเริ่มขยับ
ทั้งนี้ อว. ตื่นตัวกันมากขึ้นที่จะนำงานวิจัยไปสู่การปฏิบัติ ไม่ขึ้นหิ้งหรือเป็นเพียงการงานวิชาชีพ การที่จะได้งบประมาณเพิ่มขึ้นต้องขึ้นอยู่กับความสุจริตในการทำงาน และการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยอย่างระมัดระวัง ซึ่งจะต้องหารือกับ PMU เป็นระยะ และปรับธงให้สอดคล้องกับความต้องการของรัฐบาล เช่น ประเทศพัฒนาแล้ว BCG อุตสาหกรรม 4.0 และ EEC ส่วน รมว.อว. นั้น ตั้งธงจะทำวิทยสถานทางวิทยาศาสตร์ (Academy of Science) ซึ่งเราจะต้องมีเวทีนำเสนอผลงานวิจัยสู่การปฏิบัติและเรียนรู้ไปด้วยกัน การรวมสถาบันที่เกี่ยวข้องกับ ววน. ทำให้ชุมชนทางวิทยาศาสตร์ของเราไม่ได้หมายความถึง PMU หน่วยงานวิจัย หรือศูนย์ความเป็นเลิศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ด้วย
“วิทยสถานทางวิทยาศาสตร์อาจจะเปิดสอนระดับปริญญาโทและปริญญาเอก เรียนทฤษฎีแบบไม่เป็นทางการ และสามารถกำหนดศาสตร์ที่ไม่ได้เปิดสอนในมหาวิทยาลัยมากนัก เช่น เทคโนโลยีอวกาศ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น โดยจะดำเนินการในรูปแบบแซนด์บ๊อกซ์และให้ปริญญาบัตรได้ ภายใต้ความร่วมมือกับที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย หรือสถาบันวิจัยต่างๆ ศาสตร์ที่อยากเห็นมากที่สุด คือ วิชา BCG จากประสบการณ์ในการทำงานและยุทธศาสตร์ของประเทศ ซึ่งเป็นโมเดลสากลด้วย หรือวิชาเกี่ยวกับมรดกวัฒนธรรมแบบไทยๆ ที่ถอดบทเรียนจากความสำเร็จออกมาเป็นทฤษฎี ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบทฤษฎีต่างประเทศ แต่จะต้องยกระดับเรื่องต่างๆ ของไทยที่เราเก่ง ส่วนสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ ให้ธัชชาเป็นผู้คิดว่าจะวิจัยเรื่องใดบ้าง เราพร้อมที่จะทำ Metaverse หรือเทคโนโลยีควอนตัมได้หรือยัง การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเป็นโอกาสใหม่ที่จะทำให้เราสามารถลดช่องว่างและเข้าสู่ยุค 4.0 ได้”
ทั้งนี้ รมว.อว. ได้ฝากข้อคิดไว้ว่าอารยประเทศส่วนใหญ่ลึกซึ้งถึงแก่นเดิมและภูมิใจความเป็นมาในอดีตของชาติตน นอกจากการทำปัจจุบันให้ดีและมีอนาคต ขณะที่ประเทศด้อยพัฒนาแต่ร่ำรวยอาจไม่รู้อดีตอย่างลึกซึ้ง จึงอยากให้ทุกคนนำกลับไปคิดว่าจะดำเนินการในส่วนนี้อย่างไร รวมถึงการสร้างช้างเผือกในป่าลึกให้เป็นอีลิทใหม่ ขยับฐานะทางสังคมให้ดีขึ้น หาตัวอย่างคนที่ประสบความสำเร็จให้เกิดแรงบันดาลใจและสร้างผลกระทบทางสังคมได้สูง “ผมเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นชาติพันธุ์ภาษาใด อยูในเมืองไทยก็ขึ้นมาได้หมด เช่นเดียวกับเรื่องเศรษฐกิจฐานราก เราคิดแต่เรื่องเกษตร แต่จริง ๆ เราเก่งเรื่องศิลปะและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ชาวบ้านมีดีเอ็นเออยู่แล้ว ควรสร้างศิลปินท้องถิ่นหรือช่างท้องถิ่นขึ้นมา”
ข้อมูลข่าว : สกสว.
ถ่ายภาพ : วัชรพล วงษ์ไทย
เผยแพร่ข่าว : ปราณี ชื่นอารมณ์
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2610 5241-47 0 2333 3700 ต่อ 3728 - 3732 โทรสาร 0 2333 3834
e-mail : pr@mhesi.go.th
Facebook : @MHESIThailand
Twiiter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.