อยากได้เอกสารในสำนวนคดี
ช่วงนี้ประเด็นร้อนแรงในสังคมคงไม่พ้นคดีหนึ่งที่มีการชิงไหวชิงพริบทั้งในเรื่องหลบหนีออกจากบ้าน ไม่ให้ตำรวจในท้องที่จับตามหมายจับ แต่โผล่ไปมอบตัวที่กรุงเทพฯ รวมไปถึงการนำเรื่องไปร้องเรียนต่อหน่วยงานที่มี อำนาจในการเรียกตำรวจไปชี้แจง ซึ่งอาจทำให้ก้าวล่วงไปถึงสำนวนคดี จะทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบทางคดีกันได้ มาดูว่ามีหลักในการเปิดเผยสำนวนคดีได้แค่ไหน
นาง ก เป็นมารดาของนาย ข ได้มีหนังสือถึงสถานีตำรวจภูธร A เพื่อขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสำนวน คดีที่นาย ข ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์และถูกรถยนต์ของนาย ค ชน เป็นเหตุให้นาย ข บาดเจ็บสาหัส โดยขอข้อมูล ข่าวสารหลายรายการเช่น รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี บันทึกการรับแจ้งเหตุ ชื่อพนักงานสอบสวน วันเวลาตรวจ สถานที่เกิดเหตุ บัญชีวัตถุพยานที่ตรวจพบ บุคคลที่เกี่ยวข้องในสถานที่เกิดเหตุ แผนผังภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุ บันทึก ปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องหลักฐานการชดใช้ค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียหายของบริษัทประกันภัย สถานีตำรวจภูธร A เปิดเผยเฉพาะประจำวันเกี่ยวกับคดี ส่วนข้อมูลข่าวสารรายการอื่น ๆ ปฏิเสธการเปิดเผย โดยให้เหตุผลว่า ถือเป็น ความลับของทางราชการ ตามระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดีลักษณะที่ ๒๙ การเปิดเผยจะมีผลกระทบต่อคดีอัน อาจทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพหรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ ตามมาตรา ๑๕ (๒) แห่ง พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ นาง ก จึงอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูล ข่าวสาร
คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารฯ วินิจฉัยสรุปว่า ข้อมูลข่าวสารตามอุทธรณ์ คือ บันทึกการรับแจ้งเหตุ ชื่อพนักงานสอบสวน วันเวลาตรวจสถานที่เกิดเหตุ บัญชีวัตถุพยานที่ตรวจพบ บุคคลที่เกี่ยวข้อง ในสถานที่เกิดเหตุ แผนผังภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุ บันทึกปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องหลักฐานการชดใช้ค่ารักษาพยาบาลและ ค่าเสียหายของบริษัทประกันภัย เป็นข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของ ราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ โดยเป็นข้อมูลในสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า สถานี ตำรวจภูธร A ได้รวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนการสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวไปยัง พนักงานอัยการแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามอุทธรณ์จะกระทบต่อ ข้อเท็จจริงแห่งคดีและพยานเอกสารในชั้นศาล อันจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพหรือไม่อาจสำเร็จ ตามวัตถุประสงค์ได้ ตามมาตรา ๑๕ (๒) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ การปฏิเสธการ เปิดเผยข่าวสารตามอุทธรณ์ของสถานีตำรวจภูธร A จึงชอบแล้ว วินิจฉัยให้ ยกอุทธรณ์
มีข้อสงสัยการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ หารือไปที่สำนักงาน คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๐ ๒๒๘๓ ๔๖๗๗ www.oic.go.th
ข้อมูล : สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
เผยแพร่ข่าว : นายธัชนนท์ บุญหล้า
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3728 - 3732 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.