กรุงเทพฯ, 16 มิถุนายน 2568 - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับสถาบัน Institute of Bio- and Geosciences (IBG-2), Forschungszentrum Jülich เยอรมนี และพันธมิตร เปิดตัวฐานข้อมูลจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของมันสำปะหลัง หนึ่งในฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากความร่วมมือวิจัยระหว่างประเทศไทยและเยอรมนี โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงพันธุ์มันสำปะหลัง เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และสร้างความมั่นคงทางอาหารในระยะยาว
โครงการ CASSAVASTORE หรือโครงการการศึกษาข้อมูลฟีโนไทป์ จีโนไทป์ และสรีรวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการเจริญพัฒนาของรากสะสมอาหารของมันสำปะหลัง (Manihot esculenta Crantz) เพื่อประโยชน์สำหรับงานปรับปรุงพันธุ์เพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังของประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนงบประมาณรวมกว่า 62 ล้านบาท ดำเนินการโดย สวทช. และ สถาบัน Forschungszentrum Jülich สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยในส่วนของงบประมาณสนับสนุนการวิจัยสถาบัน Julich โดยการดำเนินงานวิจัยของทีมนักวิจัยเยอรมันได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลเยอรมัน จำนวนเงิน 803,356 ยูโร หรือประมาณ 32 ล้านบาท ส่วนงบประมาณสนับสนุนการวิจัยของทีมนักวิจัยไทยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก สวทช. ประมาณ 30 ล้านบาท มีระยะเวลาดำเนินงาน 3 ปี ระหว่างปี 2560-2562
หน่วยงานหลักที่ร่วมดำเนินโครงการจากทั้งสองประเทศ ได้แก่ Forschungszentrum Jülich ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง กรมวิชาการเกษตร
ดร.กอบกุล เหล่าเท้ง รองผู้อำนวยการไบโอเทค สวทช. กล่าวว่า “ผลสำเร็จของโครงการหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการคือประเทศไทยได้ข้อมูลที่สำคัญของลักษณะทางฟีโนไทป์ จีโนไทป์ และสรีรวิทยา ของการเจริญพัฒนาของรากสะสมอาหารของมันสำปะหลังทั้งพันธุ์ไทยและพันธุ์จากต่างประเทศกว่า 600 พันธุ์/สายพันธุ์ ที่เก็บรวมรวมไว้ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง กรมวิชาการเกษตร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สำคัญต่อการวิจัยและพัฒนาพันธุ์มันสำปะหลังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในอนาคต”
Prof. Dr. Uwe Rascher ผู้แทนสถาบัน Institute of Bio- and Geosciences (IBG-2), Forschungszentrum Jülich กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับนักวิจัยไทยในการนำเทคโนโลยี Magnetic Resonance Imaging (MRI) จากสถาบัน Julich มาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ฟีโนไทป์และสรีรวิทยาร่วมกับการพัฒนา VDO box โดยเนคเทคเพื่อถ่ายภาพการเจริญพัฒนาของรากสะสมอาหารของมันสำปะหลังทั้ง 600 พันธุ์/สายพันธุ์ สามารถตรวจสอบปัจจัยและกระบวนการสำคัญที่มีผลในการเจริญเติบโตและการพัฒนารากสะสมอาหารของมันสำปะหลังได้อย่างแม่นยำ ซึ่งนับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในงานวิจัยด้านการเกษตรไทยและภูมิภาค”
ด้าน ดร. ศิษเฎศ ทองสิมา ผู้อำนวยการ ธนาคารทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติ (NBT) ไบโอเทค สวทช. เสริมว่า “ข้อมูลที่ได้จากโครงการนี้ ได้รับการจัดเก็บอย่างเป็นระบบไว้ที่ NBT และพร้อมเปิดให้เข้าถึงสำหรับนักวิจัยและผู้พัฒนาพันธุ์พืชทั่วโลกเร็วๆนี้ โดยตั้งเป้าให้เป็นแหล่งข้อมูลพันธุกรรมมันสำปะหลังที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก”
Dr. Tobias Wojciechowski นักวิจัยอาวุโสจาก สถาบัน IBG-2 at Forschungszentrum Jülich กล่าวว่า ”ความร่วมมือระหว่างนักวิจัยไทยและเยอรมันในโครงการ CASSAVASTORE ไม่เพียงสร้างฐานข้อมูลฟีโนไทป์และจีโนไทป์ของมันสำปะหลังขนาดใหญ่ระดับโลกเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการวิจัยข้ามพรมแดนที่สามารถยกระดับการเกษตรของไทยให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาพันธุ์พืชอย่างยั่งยืน”
ฐานข้อมูลที่พัฒนาในโครงการนี้จะเป็นทรัพยากรสำคัญสำหรับนักวิจัย นักปรับปรุงพันธุ์ และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการเกษตรทั่วโลกในการขับเคลื่อนการผลิตมันสำปะหลังที่มีประสิทธิภาพ ทนทานต่อโรค และปรับตัวได้ในหลากหลายสภาพแวดล้อม เพื่อรองรับความมั่นคงทางอาหารของโลกในอนาคต
เผยแพร่ข่าว : นางสาวเยาวลักษณ์ ทับช้างโท
สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กลุ่มสื่อสารองค์กร
โทรศัพท์ 0 2333 3700
E-mail : pr@mhesi.go.th
Facebook : MHESIThailand
Instagram : mhesithailand
Tiktok : @mhesithailand
X (Twitter) : @MHESIThailand
YouTube : @MHESIThailand
Call Center 1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.