นายกรัฐมนตรี เปิดยิ่งใหญ่งาน “ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี” เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมเชิญชวนร่วมอุดหนุนผลิตภัณฑ์ OTOP ต่อยอดภูมิปัญญา สืบสานคุณค่าความเป็นไทย สร้างงานสร้างรายได้สู่ชุมชนทั่วประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็ง พลิกฟื้นเศรษฐกิจสู้ภัยโควิด-19
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงาน “ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี” ปี 2563 โดยมีรองศาสตราจารย์ นราพร จันทร์โอชา ภริยานายกรัฐมนตรี ท่านผู้หญิงกอบกุล อุบลเดชประชารักษ์ ผู้ช่วยงานส่งเสริมศิลปาชีพ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง คณะทูตานุทูต และคณะรัฐมนตรี ร่วมเป็นเกียรติในงาน พร้อมด้วย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ตลอดจนผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย นำแขกผู้มีเกียรติและกลุ่มผู้ผลิตสุดยอดสินค้า OTOP จากทั่วประเทศ กว่า 1,000 ร้านค้า ให้การต้อนรับ ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีโครงการพระราชดำริในการส่งเสริมอาชีพและรายได้ของพสกนิกรทั้งประเทศ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดี ช่วยเหลือตนเองได้ในระยะยาว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระราชเสาวนีย์ในการส่งเสริมการทอผ้าไว้เป็นอาชีพเสริมรายได้ให้ครอบครัวของประชาชนมากขึ้น และเพื่อเป็นการตอบสนองพระราชเสาวนีย์ดังกล่าว รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ของประชาชน ขยายผลและสนับสนุนให้มีโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) และมีการพัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์ OTOP โดยการพัฒนาผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ยกระดับคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์ระดับ 1 – 3 ดาว รวมทั้งเพิ่มช่องทางการตลาดให้กว้างและก้าวไกลมากยิ่งขึ้น
“การจัดงานศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี ประจำปี พ.ศ. 2563 ในครั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้ร่วมกันเทิดพระเกียรติในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รวมถึงเพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อสินค้าชุมชนที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากชุมชนที่มีคุณค่า เป็นผลิตภัณฑ์ฝีมือคนไทย อีกทั้งจะเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยจะได้แสดงให้ชาวไทยและชาวต่างชาติได้เห็นถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP และคาดหวังว่าการจัดงานครั้งนี้ จะช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ตลอดจนสมาชิกกลุ่มต่างๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ”นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำ
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) มีรากฐานแนวความคิดมาจากโครงการศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยเฉพาะผ้าไทย ซึ่งในช่วงก่อนหน้านี้ ความนิยมผ้าไทยลดน้อยลงกระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้จัดทำโครงการอนุรักษ์ศิลป์ ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน รณรงค์เชิญชวนทุกจังหวัดให้มีโครงการรณรงค์ใส่ผ้าไทย และรัฐบาลเห็นความสำคัญเรื่องนี้จนนำไปสู่มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 ได้มีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย โดยการรณรงค์เชิญชวนคนไทยสวมใส่ผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละสองวัน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า และแสดงถึงความตั้งใจจริงในการมุ่งมั่นที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานอันแน่วแน่ของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้ผ้าไทยเป็นสมบัติอันล้ำค่าของลูกหลานชาวไทย จึงขอเชิญชวนประชาชนมาเที่ยวชมงาน “ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี” ในครั้งนี้ นอกจากจะได้ร่วมกันสนับสนุนสินค้า OTOP กระจายรายได้สู่ชุมชนทุกจังหวัดทั่วประเทศแล้ว ยังเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญเพื่อการร่วมกันเผยแพร่อัตลักษณ์ของผ้าไทยให้เป็นที่แพร่หลาย ส่งผลดีในเชิงเศรษฐกิจฐานรากรวมถึงอนาคตของผ้าไทยอีกด้วย
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า กระแสตอบรับการจัดงาน 2 วันแรก เป็นที่น่าพอใจ แม้จะมีพื้นที่การจัดงานที่เล็กกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยสร้างยอดจำหน่ายแล้วกว่า 89 ล้านบาท ภายใต้รูปแบบวิถีใหม่ (New Normal) ตามมาตรการด้านสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัยแก่ผู้เข้าชมงานอย่างเข้มข้น และขอความร่วมมือจากประชาชนที่เข้าชมงานปฏิบัติตามข้อกำหนดต่าง ๆ ตามมาตรการและการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด ขอให้เชื่อมั่นในเรื่องมาตรการดังกล่าวให้ออกมาจับจ่ายใช้สอย เพื่อช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
“ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกท่าน ร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในงานนี้ และขอชวนแฟนพันธุ์แท้ OTOP มาชม ชิม ช้อป และภาคภูมิใจกับผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาไทย โดยเฉพาะผ้าไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงทราบดีว่าพี่น้องเกษตรกรไทย นอกจากจะทำงานด้านการเกษตรแล้วนั้น ยังมีภูมิปัญญามรดกจากบรรพบุรุษในเรื่องหัตถศิลป์ทั้งหลาย โดยเฉพาะเรื่องผ้า การทอผ้า การประดิษฐ์ผ้า ทรงไปรื้อฟื้นและสืบสาน ไม่ใช่การช่วยด้วยการมอบปลา แต่สอนให้เลี้ยงปลาเพื่อสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืน และยังส่งต่อถึงลูกหลานได้ด้วย โดยมีครูศิลป์แห่งแผ่นดิน 5 ทหารเสือศิลปาชีพ ที่ถวายงานมาอย่างยาวนาน กลายเป็นผู้นำชาวบ้าน ฝึกสอนและพัฒนาฝีมือ มีการจัดประกวดเพื่อพัฒนาฝีมือ และผู้ที่ชนะก็มีการถ่ายทอดต่อไป พระองค์ท่านได้พระราชทานทุนทรัพย์ เพื่อสร้างกำลังใจ ให้สามารถทำงานในบ้านเกิดของตนเอง เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวได้ เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ทำให้ผ้าไทยยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน โดยภายในงานครั้งนี้ 4 ใน 5 ท่านของทหารเสือศิลปาชีพ ถือว่าเป็นราชินีผ้าไหมไทย ได้มาร่วมแสดงและจำหน่ายผ้าในนี้ด้วยจึงขอเชิญชวนมาเที่ยวชมงานนอกจากเป็นกำลังใจให้แก่พี่น้อง OTOP แล้ว การอุดหนุนสินค้าทุกชิ้นเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนได้อีกหลายแสนครัวเรือน ช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งไปด้วยกันครับ” อธิบดี พช. กล่าวเชิญชวน ทั้งนี้ ภายหลังพิธีเปิดงานเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่สุดประทับใจ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินเยี่ยมชมนิทรรศการจากหน่วยงานภาคี การสาธิต พร้อมพูดคุยกับผู้ผลิตผู้ประกอบการที่นำสินค้ามาแสดงและจัดจำหน่าย และยังได้ฝากให้กำลังใจกับผู้ประกอบการ OTOP ทั่วประเทศ ในการต่อยอดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นให้ร่วมสมัย ตรงตามความต้องการของตลาด ซึ่งมีความเชื่อมั่นว่าแม้ประเทศไทยจะยังคงอยู่ในภาวะวิกฤติไวรัสโควิด-19 แต่คนไทยด้วยกันก็ยังให้การอุดหนุนสินค้าโอทอปซึ่งเป็นสินค้าที่เกิดจากภูมิปัญญาคนไทย ในนามรัฐบาลเองพร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อให้คนในชุมชนมีอาชีพและรายได้ พร้อมเร่งส่งเสริมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดความมั่นคงและกลับคืนมาในเร็ววัน
งาน “ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี” จัดระหว่างวันที่ 8 - 16 สิงหาคม 2563 เวลา 10.00 - 21.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย 1) นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 2) การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ 3) การจัดแสดงและจำหน่ายผลงานของศิลปิน OTOP 4) การจัดแสดงและจำหน่ายผ้าอัตลักษณ์ 5) การจัดแสดงและจำหน่ายผ้าชนะเลิศการประกวดจากโครงการสืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน ซึ่งเป็นโครงการที่กรมการพัฒนาชุมชน ร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ รณรงค์ให้คนไทยสวมใส่ผ้าไทย 6) OTOP Premium เป็นการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ที่เข้าร่วมในโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกรมการพัฒนาชุมชน อาทิ โครงการคลัสเตอร์ผ้า (ภาคเหนือ) โครงการผ้าทออีสานสู่สากล โครงการเยาวชนโอทอป โครงการโอทอปขึ้นเครื่อง ฯลฯ ซึ่งในโซนดังกล่าวได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกายที่ได้รับการยกระดับผลิตภัณฑ์ จำนวน 54 ร้านค้าจากทั่วประเทศ 7) OTOP Frist Lady 8) OTOP 3 - 5 ดาว 9) OTOP ชวนชิม และผัก ผลไม้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการแสดง เช่น การเดินแฟชั่นโชว์ผ้าไทย มินิคอนเสิร์ต สินค้านาทีทอง และการจับสลากมอบสร้อยคอทองคำให้กับผู้โชคดีภายในงานทุกวัน และยังได้ลุ้นเพิ่มรางวัลใหญ่ในวันสุดท้าย สูงถึง 100,000 บาท จำนวน 3 รางวัล ได้แก่ ทองคำสุโขทัย, Gift voucher, ชุดเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมมูลค่าทั้งสิ้น 300,000 บาท นอกจากนั้นภายในพื้นที่เดียวกันยังมีการจัดนิทรรศการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี จาก 76 จังหวัดทั่วประเทศ ให้ผู้เข้าชมงานได้เที่ยวทั่วเมืองไทยในคราวเดียวอีกด้วย
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.