“เอนก เหล่าธรรมทัศน์” รมว.การอุดมศึกษาฯ ถกอธิการบดีทั่วประเทศดัน 4 บิ๊กโปรเจค
“มหาวิทยาลัยสู่ตำบล - พลิกโฉมมหาวิทยาลัย - เศรษฐกิจเชิงพื้นที่ - อว.ส่วนหน้า”
ดึงศักยภาพมหาวิทยาลัยร่วมพัฒนาประเทศ ผลิตบัณฑิตให้ตรงตามความต้องการของตลาด เน้นการเรียนรู้แบบลงพื้นที่ทำงานจริง
ใช้นวัตกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มพร้อมพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่ออาชีพยุคใหม่
เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2563 : ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในการประชุมหารือเชิงนโยบาย เรื่องบทบาทของสถาบันอุดมศึกษาในการขับเคลื่อนประเทศ ณ ห้องประชุมฯ อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา ถนนศรีอยุธยา โดยมี อธิการบดีและผู้บริหารจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศเข้าร่วมการประชุมฯ ภายหลังการประชุม
รมว.อว. เปิดเผยว่า อว. มีนโยบายในการสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยขับเคลื่อนการดำเนินงานที่สำคัญ 4 เรื่อง ได้แก่
1. มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ
2. การพลิกโฉมมหาวิทยาลัย (Reinventing University)
3. มหาวิทยาลัย : ขั้วความเจริญเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ (University as a Marketplace) และ
4. อว. ส่วนหน้า
ซึ่งทั้ง 4 เรื่อง ตนได้ให้แนวทางในการดำเนินงาน ดังนี้
1.โครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบลฯ มีความเกี่ยวข้องกับโครงการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้า โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งการดำเนินงานในลักษณะนี้ จะทำให้มหาวิทยาลัยมีโอกาสและบทบาทมากขึ้นในการพัฒนาจังหวัดที่ชัดเจน โดยให้ อว.ส่วนหน้าทำหน้าที่เป็นหน่วยราชการภูมิภาคของ อว. เพื่อพัฒนาทั้งจังหวัดและพัฒนามหาวิทยาลัยเอง
2.ให้ปรับรูปแบบการทำงาน จากเดิมที่เป็นการพัฒนาแบบพื้นฐาน ใช้แรงงงานราคาถูก เปลี่ยนเป็นการพัฒนาที่ใช้นวัตกรรมในการสร้างมูลค่าเพิ่ม และเน้นการทำงานแบบรวมพลังของคนในมหาวิทยาลัย เพื่อการพัฒนาประเทศให้พ้นกับดักรายได้ปานกลาง
3.มหาวิทยาลัยมีงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลายเรื่องสามารถนำมาต่อยอดและใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และเชิงสังคมได้ แต่ยังขาดการประชาสัมพันธ์ในภาพรวมของ อว. ทำให้ไม่เกิดผลกระทบในวงกว้างเท่าที่ควร ดังนั้น ควรมีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง โดยนำเสนอผลลัพธ์ ผลกระทบที่ประชาชนได้รับมากกว่าข้อมูลทางสถิติทั่วไป
4.การพลิกโฉมมหาวิทยาลัย เป็นการปรับบทบาทของมหาวิทยาลัยให้มีความสำคัญมากขึ้นในการพัฒนาประเทศ บัณฑิตได้รับการพัฒนาทักษะ ที่จำเป็นสำหรับการมีงานทำ
รมว.อว. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัย : ขั้วความเจริญเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ (University as a Marketplace) เนื่องจากงบประมาณทั้งในส่วนของ อว. และในส่วนของบุคลากรของ อว. เองสามารถผลักดันให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ได้ ทั้งในส่วนของตลาดกายภาพ ตลาดออนไลน์ หรือการพัฒนาศักยภาพของผู้ขายในตลาดได้ ซึ่งตนเชื่อว่าหากมีการปรับแนวคิดและแนวทางในการดำเนินงานจะส่งผลให้สถาบันอุดมศึกษาสามารถผลิตบัณฑิตได้ตรงตามความต้องการของตลาดและสอดรับกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน เนื่องจากมีการลงพื้นที่เพื่อดำเนินการตอบโจทย์ปัญหาของพื้นที่/ชุมชน อีกทั้งยังก่อให้เกิดการปรับปรุงกระบวนการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยให้มีการเรียนรู้จากการลงพื้นที่ปฏิบัติจริงมากกว่าการเรียนรู้แต่เพียงทฤษฎีในห้องเรียนเท่านั้น
ดร.เอนก กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังมีนายกสภาและอธิการบดีมหาวิทยาลัยหลายท่านได้เสนอแนะความคิดเห็นเพิ่มเติม อาทิ ในการดำเนินงานแม้จะมีเป้าหมายเรื่องการจ้างงาน แต่ควรเน้นเรื่องการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิตรวมไปถึงการมีห้องแล็ปที่ช่วยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆและควรให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทร่วมกับมหาวิทยาลัยในการพัฒนาประเทศ ขณะที่มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งมีความพร้อมไม่เท่ากัน ดังนั้นการจัดสรรทรัพยากรและการประเมินผลก็ควรจะต้องจำแนกตามความเชี่ยวชาญของแต่ละสถาบัน มหาวิทยาลัยต้องดำเนินภารกิจของสถาบันทั้งในส่วนของการผลิตบัณฑิตและการพัฒนาความเป็นเลิศ ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนพื้นที่ได้ และเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ควรมีความต่อเนื่องในการดำเนินโครงการ เป็นต้น.
ถ่ายภาพ : วัชรพล วงษ์ไทย
เผยแพร่ข่าว : ปราณี ชื่นอารมณ์
ส่วนสื่อสารองค์กร กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2039 5609 Facebook : @opsMHESI/
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.