15 ธันวาคม 2564 : ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เข้าร่วมงานแถลงข่าว “กระทรวง อว. ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG โชว์งานวิจัย วว. ฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังโควิด-19” มุ่งแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ด้วย BCG โมเดล โชว์ผลงานวิจัยของ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ที่ได้ดำเนินโครงการตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ด้านการใช้ประโยชน์จุลินทรีย์โพรไบโอติกและสารชีวภัณฑ์ ระบุผลดำเนินงานในปี 2564 สร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมได้กว่า 860 ล้านบาท งานดังกล่าวจัดขึ้น ณ ห้องแถลงข่าวชั้น 1 สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าวว่า อว. เป็นองค์กรหลักในการขับเคลื่อนประเทศเชิงบูรณาการในทุกมิติ มุ่งใช้ความได้เปรียบเชิงทรัพยากรและวัฒนธรรมโดยการขับเคลื่อนนโยบาย BCG เป็นฐานในการพัฒนา ที่มีเป้าหมายร่วมคือ "ก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง สู่ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างยั่งยืนภายใน 7 ปี" และในปี 65 BCG จะเป็นวาระแห่งชาติและจะมีการหารือในการประชุม APEC ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ อว. เตรียมการและแผนการผลักดันเต็มรูปแบบต่อไป BCG Economy หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) เรื่องของ Bio จะเชื่อมโยงส่วนของเกษตรกรรมซึ่งเป็นรากฐานของคนไทย การใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าไปช่วยเกษตรกรให้สามารถพัฒนาและเพิ่มมูลค่าของสินค้า และยังต่อยอดไปถึงธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยทั้งเกษตรกรรมและการท่องเที่ยวมีสัดส่วนผู้ประกอบการมากกว่า 50% ในประเทศ จึงต้องเร่งพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างเป็นลำดับ ซึ่งตนเห็นว่าเศรษฐกิจชีวภาพนั้นสามารถทำได้หลากหลายและเพิ่มมูลค่าได้อย่างก้าวกระโดดมาก สังเกตุได้จากสิ่งที่นำมาโชว์ในงานวันนี้ คือเหตุผลหนึ่งที่ตนได้เร่งสนับสนุนโครงการต่างๆ เหล่านี้ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากที่สุด และผลลัพธ์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเราสามารถทำได้ และประสบผลสำเร็จอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงความสามารถของบุคลากรที่เกี่ยวข้อง รวมถึงทรัพยากรคุณภาพของประเทศที่เราได้เปรียบนานาชาติ สามารถลดต้นทุนการผลิต และการวิจัย อีกทั้งยังบริหารจัดการภายในได้อย่างรวดเร็วและมีมาตรฐานระดับสากล
จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทุกส่วนในสังคมได้รับผลกระทบนั้น อว. เลือกที่จะมองให้เป็นโอกาส เร่งดำเนินงานเชิงรุกในการนำองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้าไปช่วยตอบโจทย์ แก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การผลิตวัคซีนมาตรฐานสากลขึ้นเอง การบริหารจัดระบบสาธารณสุขร่วมมือกับหน่วยงานในสังกัดจัดตั้งโรงพยาบาลสนามหลายแห่งทั่วประเทศไทย รวมถึงการช่วยเหลือด้านการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงและรวดเร็ว และที่สำคัญ อว. มุ่งเน้นสนับสนุนให้มีการทำเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น สามารถแข่งขันได้ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมโดยรวม ซึ่งสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย หรือ วว. เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดของ อว. ที่ได้รับการคัดเลือกจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้เข้าร่วมโครงการใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนด ตามแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ในด้านจุลินทรีย์และสารชีวภัณฑ์ที่จะช่วยให้การขับเคลื่อนของ อว. เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ขอให้เชื่อมั่นว่าเราจะนำองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญของ อว. ช่วยให้สังคมของเราแข็งแกร่ง ยืนหยัดได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน...” ดร.เอนก กล่าวในตอนท้าย
ศ.(วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวถึงการดำเนินงานภายใต้โครงการใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนดว่า ผลการดำเนินงานในปี 2564 สามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจำนวน 860 ล้านบาท โดยได้รับการอนุมัติจำนวน 2 โครงการ ดังนี้ โครงการที่ 1 ศูนย์นวัตกรรมผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร (ICPIM) เป็นคลังหัวเชื้อจุลินทรีย์กว่า 10,000 ชนิด มีภารกิจวิจัยพัฒนา ผลิต บริการ ด้านอาหารและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากโพรไบโอติก/พรีไบโอติก ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับคนไทย ผลสำเร็จการดำเนินงานสามารถสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการและเศรษฐกิจของประเทศ คือสามารถขยายการผลิตจุลินทรีย์เพิ่มขึ้นได้ 25,000 ลิตรต่อปี พัฒนานวัตกรรมจุลินทรีย์โพรไบโอติกที่โดดเด่นได้ 15 สายพันธุ์ที่มีศักยภาพตามมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และขึ้นทะเบียนสายพันธุ์จุลินทรีย์โพรไบโอติกกับ อย. ได้แล้วจำนวน 8 สายพันธุ์และอยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนอีก 7 สายพันธุ์ สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เสริมโพรไบโอติก ได้แก่ ไอศกรีม นมอัดเม็ด ปลาร้าผง น้ำพริกพร้อมทาน เครื่องดื่มชงเย็น jelly และอาหารเสริมสูตรฟังก์ชั่นสำหรับ 1.ลดน้ำหนัก 2.สร้างภูมิคุ้มกัน 3.ลดความเสี่ยงการเป็นเบาหวาน 4.กระตุ้นการทำงานของสมอง และ 5.ปรับสมดุล รวมทั้งพัฒนานวัตกรรมการยืด Shelf life ของโพรไบโอติกในผลิตภัณฑ์ต่างๆ นวัตกรรมลดต้นทุนการผลิตโพรไบโอติกเพื่อการแข่งขันด้านราคากับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ นวัตกรรม synbiotics และ post-biotics เพื่อเสริมภูมิสุขภาพและป้องกันโรค NCDs สามารถสร้างผู้ประกอบการได้ 41 ราย ชดเชยการนำเข้าหัวเชื้อจุลินทรีย์ได้ 30% ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ 380 ล้านบาท และผลกระทบทางสังคม 110 ล้านบาท
โครงการที่ 2 โครงการยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคกลางตะวันตกด้วย BCG โมเดล มีผลสำเร็จการดำเนินงานคือ ผลิต “สารชีวภัณฑ์ 5 สายพันธุ์” ร่วมสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานพื้นที่ “กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัด” รวมจำนวน 1.3 ล้านลิตร เพื่อป้องกันกำจัดศัตรูพืชทดแทนสารเคมีทางการเกษตร ลดสารพิษตกค้าง เพิ่มความปลอดภัย ยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่เกษตรกรผู้ใช้ ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และลดการนำเข้าสารเคมีจากต่างประเทศ พัฒนากระบวนการขยายชีวภัณฑ์ทั้งในระดับห้องปฏิบัติการเพื่อขยายสู่การผลิตเชิงพาณิชย์และระดับชุมชน และมีการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมผลิตเชื้อจุลินทรีย์ทางการเกษตร (Innovative Center for Production of Microorganisms Used in Agro- Processing Industry, ICAP) มีกำลังการผลิต 115,000 ลิตรต่อปี ส่งผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคม คือ มีเกษตรกรกว่า 200 ราย นำเทคโนโลยีไปใช้ในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยการพัฒนาปัจจัยการผลิตหมุนเวียนสำหรับเกษตรกรแปลงใหญ่เพิ่มขึ้นได้ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตร โดยมีเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และบริษัท รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต functional food และบรรจุภัณฑ์ มีผู้ประกอบการร่วมลงทุนด้าน R&D ภายใต้ BCG Model รวมถึงเกิดต้นแบบผลิตภัณฑ์ functional food และเวชสำอาง และต้นแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เขียนข่าว : วัชรพล วงษ์ไทย
ถ่ายภาพ : สกล นุ่นงาม
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2610 5241-47 0 2333 3700 ต่อ 3728 - 3732 โทรสาร 0 2333 3834
e-mail : pr@mhesi.go.th
Facebook : @MHESIThailand
Twiiter : @MHESIThailan
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.