"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 4 สิงหาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 18,578,096 โดส และทั่วโลกแล้ว 4,216 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 166.81 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ ภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 75.5%”
➡️(4 สิงหาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 4,216 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 41.9 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 347 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 165 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 166.81 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (73.4% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 70.45 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 18,578,096 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 53.22%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 4,216 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 18,578,096 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 14,492,385 โดส (21.9% ของประชากร)
-เข็มสอง 4,085,711 โดส (6.2% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 4 ส.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 18,578,096 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 307,291 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 952,580 โดส
- เข็มที่ 2 240,678 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 7,930,134 โดส
- เข็มที่ 2 425,189 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 5,609,671 โดส
- เข็มที่ 2 3,419,844 โดส
3. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 115.0% เข็มที่2 99.4%
- อสม เข็มที่1 48.7% เข็มที่2 21.8%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 24.1% เข็มที่2 1.5%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 29.4% เข็มที่1 5.1%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 47.0% เข็มที่2 27.8%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 27.0% เข็มที่2 7.6%
รวม เข็มที่1 29.0% เข็มที่2 8.2%
4. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 47.9% เข็มที่2 11.1% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 67.0% เข็มที่2 14.6%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 28.8% เข็มที่2 13.1%
- นนทบุรี เข็มที่1 31.9% เข็มที่2 10.8%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 31.7% เข็มที่2 5.7%
- ปทุมธานี เข็มที่1 24.8% เข็มที่2 5.8%
- นครปฐม เข็มที่1 16.1% เข็มที่2 3.2%
จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 12.9% เข็มที่2 4.2%
- ภูเก็ต เข็มที่1 75.5% เข็มที่2 59.2%
- ระนอง เข็มที่1 38.4% เข็มที่2 12.4%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 20.4% เข็มที่2 8.2%
- เกาะสมุย เข็มที่1 38.0% เข็มที่2 10.4%
- เกาะเต่า เข็มที่1 20.4% เข็มที่2 5.8%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 30.3% เข็มที่2 3.9%
5. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 166,816,667 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 70,450,631 โดส (17.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
2. มาเลเซีย จำนวน 22,152,367 โดส (45.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 21,883,781 โดส (10.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 18,578,096 โดส (21.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. กัมพูชา จำนวน 12,644,209 โดส (45.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 7,827,198 โดส (73.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
7. เวียดนาม จำนวน 7,291,808 โดส (6.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ลาว จำนวน 2,315,332 โดส (16.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 173,245 โดส (31.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
6. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 65.61%
2. อเมริกาเหนือ 11.88%
3. ยุโรป 14.16%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.35%
5. แอฟริกา 1.63%
6. โอเชียเนีย 0.37%
7. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,688.68 ล้านโดส (60.3% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 484.18 ล้านโดส (17.7%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 347.38 ล้านโดส (54.3%)
4. บราซิล จำนวน 142.56 ล้านโดส (34.9%)
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (78.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
2. มัลดีฟส์ (78.4% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. บาห์เรน (73.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. กาตาร์ (69.0%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
5. อุรุกวัย (68.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. สิงคโปร์ (68.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna และ Sinovac)
7. ชิลี (67.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
8. แคนาดา (66.0%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Moderna และ Pfizer/BioNTech)
9. ภูฏาน (64.7%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, AstraZeneca/Oxford และ Pfizer/BioNTech)
10. เดนมาร์ก (64.4%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มาข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.