เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. นายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมหารือกับ นายนาเกช ซิงห์ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย และคณะ เพื่อกระชับความร่วมมือด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี รวมทั้งความร่วมมือด้านการพัฒนาสตาร์ทอัพ ณ ห้องประชุมชั้น 4 อาคารพระจอมเกล้า สป.อว. (โยธี)
นายศุภชัย กล่าวว่า อว. เล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายความร่วมมือระหว่างไทยกับอินเดียในสาขาต่าง ๆ โดยเฉพาะด้าน AI EV เทคโนโลยีอวกาศ เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานหมุนเวียน เทคสตาร์ทอัพ (Tech Startup) และการพัฒนาบุคคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณอินเดียที่ได้ช่วยพัฒนาบุคลากรของไทยผ่านการให้ทุนฝึกอบรมในสาขาต่าง ๆ ในโครงการ ITEC (India Technical and Economic Cooperation) และผ่านโครงการทุนการศึกษาของ ICCR (Indian Councial for Cultural Relations) การส่งเสริมความร่วมมือด้านอุดมศึกษา อว. พร้อมที่จะสนับสนุนเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยไทยและอินเดีย เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและบุคลากร รวมถึงการแลกเปลี่ยนทางวิชาการและวัฒนธรรม ปัจจุบันมีนักศึกษาอินเดียที่กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยไทยรวมแล้วเกือบ 500 คน และมหาวิทยาลัยไทยมีการส่งเสริมในเรื่องของอินเดียศึกษาโดยมหาวิทยาลัยที่มีศูนย์อินเดียศึกษา ซึ่งสามารถเป็นสะพานเชื่อมโยงความร่วมมือได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ อว. ยินดีที่จะสนับสนุนให้ทั้ง IIT และ IIM (Indian Institute of Management) ได้ขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยไทย นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ และ กระทรวง อว. โดยกลุ่มมหาวิทยาลัยไทยชั้นนำมีแนวคิดที่จะจะขยายความร่วมมือด้านการศึกษากับภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย (North Eastem Region - NER) โดยเฉพาะรัฐอัสสัมกับรัฐเมฆาลัย เนื่องจากเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่เชื่อมโยงอินเดียกับประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นประตูสู่ประเทศไทย ตนก็ขอให้ท่านทูตฯ ให้การสนับสนุนความร่วมมือดังกล่าว และคาดว่าเราจะได้เห็นกิจกรรมความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยไทยกับสถาบันการศึกษาในรัฐอัสสัมและรัฐเมฆาลัยเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพสูง เพื่อเร่งให้ก้าวไปสู่การเป็นยูนิคอร์นอย่างรวดเร็ว อว. มีอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค 4 แห่ง และยังมีสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพ พัฒนารูปแบบธุรกิจที่สร้างสรรค์ และสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงผู้ประกอบการกับนักลงทุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปจนถึงการสร้างพันธมิตรในระดับนานาชาติ ซึ่งตนทราบมาว่าขณะนี้เศรษฐกิจดิจิทัลในอินเดียเติบโตแบบก้าวกระโดด และมีสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ในโอกาสนี้ ขอชื่นชมในความสำเร็จและความก้าวหน้าของอินเดียและหวังว่าเราจะได้ร่วมมือเพื่อกันผลักดันสตาร์ทอัพไทยให้ประสบความสำเร็จต่อไป
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.