วันที่ (9 กรกฎาคม 2562) สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. ได้จัดเสวนาในหัวข้อ สิ่งแวดล้อมไทย...ใครคือ “HERO” ที่อาคารอุทยานนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ มีผู้ร่วมเสวนา ดังนี้ นพ.วีรฉัตร กิตติรัตน์ไพบูลย์กรรมการผู้จัดการ บริษัทบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม จำกัด (มหาชน) ดร.เกศินี เหมวิเชียรนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชำนาญการพิเศษ จาก สทน. คุณเข็มอัปสร สิริสุขะ นักแสดงและผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ Little Forest ปลูกป่า ปลูกคน ปลูกใจ และคุณวรวัฒน์ สภาวสุ ผู้แทนจากกลุ่ม Trash Bangkok
ดร.พรเทพ นิศามณีพงษ์ ผู้อำนวยการ สทน. เปิดเผยว่า ในสายตาของประชาชนทั่วไปกิจกรรมใดที่เกี่ยวกับเรื่องนิวเคลียร์มักจะเป็นประเด็นที่ค่อนข้างอ่อนไหวและทำให้เกิดความตื่นตระหนกได้ง่าย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะดำเนินกิจกรรมในเรื่องใดๆสิ่งที่ สทน. ให้ความสำคัญและระมัดระวังอย่างยิ่งคือจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อคนในชุมชนสังคมและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นนโยบายสำคัญที่ สทน. ถือปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลา 60 ปี นับตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจกรรมด้านนิวเคลียร์ในประเทศไทย ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว สำหรับการนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม สทน. ดำเนินการใน 2 ลักษณะ คือ การรักษาและพัฒนาสภาพสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น รวมทั้งการตรวจและควบคุมปริมาณรังสีที่มีอยู่ในธรรมชาติให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อมนุษย์ เช่น การใช้รังสีแกมมาจากโคบอลต์-60 ฆ่าเชื้อโรคต่างๆในน้ำทิ้งจากชุมชนและโรงพยาบาลเพื่อป้องกันโรคระบาด นอกจากนี้ยังมีผลงานวิจัยและพัฒนาอีกหลายด้านที่มีส่วนในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมสำหรับความรุนแรงของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นผลจากกิจกรรมของมนุษย์และคนในสังคมนั้นก็ได้รับผลกระทบแตกต่างกันไป ดังนั้นทุกคน ทุกภาคส่วนจึงควรรับผิดชอบร่วมกันในส่วนภาคธุรกิจ หากต้องดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างมั่นคงและได้รับการยอมรับจากสังคมจะต้องมีบทบาทที่ชัดเจนในการแสดงความรับผิดต่อสิ่งแวดล้อม
ดร.พิริยาธร สุวรรณมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยและพัฒนานิวเคลียร์ สทน. กล่าวว่า จากความรุนแรงของปัญหาขยะล้นโลกได้ผลักดันให้มีการวิจัยและพัฒนาพลาสติกชีวภาพที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติหรือที่เรียกว่าไบโอพลาสติก (Bioplastic) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วผลิตขึ้นมาจากพืชซึ่งเป็นพอลิเมอร์ธรรมชาติ เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี มันเทศ มันฝรั่ง มันสำปะหลัง แต่เนื่องจากข้อจำกัดและเรื่องการทนความร้อนและราคาที่สูงกว่าพลาสติกทั่วไปจึงทำให้การนำไปใช้งานยังคงอยู่ในวงจำกัด สทน. ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหานี้จึงได้นำกระบวนการทางรังสีมาช่วยปรับปรุงคุณสมบัติของพอลิเมอร์สังเคราะห์ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ซึ่งปกติเมื่อได้รับความร้อนจะเริ่มมีการอ่อนตัวที่อุณหภูมิประมาณ 60-65 องศาเซลเซียส แต่เมื่อนำไปผ่านกระบวนการทางรังสีในสภาวะที่เหมาะสมจะช่วยปรับปรุงคุณสมบัติของพอลิเมอร์สังเคราะห์ให้สามารถคงรูปและใช้งานได้ที่อุณหภูมิสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีพอลิเมอร์ธรรมชาติอีกชนิดหนึ่ง คือ ไคโตซาน ที่ สทน.ได้นำกระบวนการทางรังสีมาทำให้โมเลกุลของไคโตซานมีขนาดเล็กลงเพื่อใช้เร่งการเจริญเติบโตของพืชได้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการพัฒนาต่อยอดโดยนำไคโตซานมาผลิตเป็นเมล็ดบีดส์เพื่อห่อหุ้มน้ำมันหอมระเหย ซึ่งข้อดีของไคโตซาน คือ สามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ ซึ่งในปัจจุบันนี้หลายๆประเทศได้ทำการออกกฎเพื่อห้ามการผลิตเมล็ดบีดส์จากพอลิเมอร์สังเคราะห์ เนื่องจากเมล็ดบีดส์เหล่านี้ไม่สามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติและกลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศน์ในทะเล นอกจากนี้ได้ขยายขอบเขตของการนำแป้งผสมกับพอลิเมอร์สังเคราะห์ที่สามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติเพื่อขึ้นรูปเป็นถุงเพาะชำต้นกล้าที่สามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ (biodegradable nursery bag) รวมถึงกระถางเพาะชำต้นกล้าที่ย่อยสลายได้ในธรรมชาติ (biodegradable nursery pot) ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการทดสอบในภาคสนาม ในอนาคตบทบาทของ สทน. จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลงานวิจัยด้วยเทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อช่วยเหลือในภาคเกษตรกรและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.