“สุวิทย์” ขานรับนโยบายรัฐบาล งดใช้ถุงพลาสติก ดีเดย์ 1 ม.ค. 2563 นี้ ผนึกภาคเอกชน - SMEs ไทย สร้างนวัตกรรมถุงพลาสติกย่อยสลาย 100% จากแป้งมันสำปะหลัง ปฏิวัติรูปแบบถุงพลาสติกไทย ตอกย้ำแนวคิดนำนวัตกรรมต่อยอดผลผลิตทางการเกษตรแบบดั้งเดิมเพิ่มมูลค่าให้สินค้าการเกษตร ตอบโจทย์ BCG Economy
(9 ธันวาคม 2562) ณ บริษัท เอสเอ็มเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SMS Corporation) อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี : ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (รมว.อว.) พร้อมด้วย ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสื่อมวลชน เข้าเยี่ยมชมกระบวนการพัฒนาผลิตพลาสติกชีวภาพ ด้วยการนำแป้งมันสำปะหลังมาพัฒนาเป็นพลาสติก โดย บริษัท เอสเอ็มเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ร่วมวิจัยและพัฒนา "ถุงพลาสติกย่อยสลายได้สำหรับขยะเศษอาหาร” กับ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. และมีบริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) สนับสนุนกระบวนการเป่าขึ้นรูปถุงพลาสติกย่อยสลายได้
ดร.สุวิทย์ รมว.อว. เปิดเผยว่า จากการที่ ครม. มีมติเห็นชอบการงดใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป โดยเป็นนโยบายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการดำเนินงานเพื่อลดและเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (single-use plastic) ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้ roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561-2573 กระทรวง อว. จึงขานรับนโยบายในการคิดค้นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากขยะพลาสติก โดยปฏิวัติรูปแบบถุงพลาสติกในประเทศไทย ด้วยการวิจัยและพัฒนา "ถุงพลาสติกย่อยสลายได้สำหรับขยะเศษอาหาร” ผลงานวิจัยของ เอ็มเทค สวทช. ร่วมกับ บ.เอสเอ็มเอสฯ เปลี่ยนมันสำปะหลัง โดยพัฒนาสูตรในห้องปฏิบัติการเป็นเม็ดพลาสติกชีวภาพและทำการผสมสูตรเพื่อเพิ่มคุณสมบัติทางวิศวกรรมให้เหมาะสมกับการนำไปขึ้นรูปเป็นฟิล์มบางและผลิต "ถุงพลาสติกย่อยสลายได้สำหรับขยะเศษอาหาร” สามารถย่อยสลายได้ภายใน 3 - 4 เดือน ซึ่งได้นำร่องใช้งานจริงแล้วในงานกาชาด ประจำปี 2562 เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
นวัตกรรมดังกล่าววิจัยและพัฒนาขึ้นโดยนักวิจัยและภาคเอกชนของไทย โดย เอ็มเทค สวทช. ร่วมกับภาคเอกชน บ.เอสเอ็มเอสฯ พร้อมทั้งได้รับความร่วมมือจากภาคีอุตสาหกรรมพลาสติก ได้แก่ บ.โททาล คอร์เบียน พีแอลเอ (ประเทศไทย) จำกัด และ บ.บีเอเอสเอฟ (ไทย) จำกัด สนับสนุนวัตถุดิบเม็ดพลาสติกชีวภาพ และบริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) สนับสนุนกระบวนการเป่าขึ้นรูปถุงพลาสติกย่อยสลายได้ ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการปฎิวัติรูปแบบถุงพลาสติก และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของเมืองไทย
ทั้งนี้ ถุงพลาสติกย่อยสลายได้สำหรับใส่ขยะเศษอาหาร นับเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ต้นแบบในการพัฒนาตอบโจทย์ BCG Economy ด้านเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) โดยการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในการเพิ่มคุณค่าหรือการประยุกต์ใช้งานและการแปรรูปของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการเกษตร เพื่อทำให้ผลผลิตทางการเกษตรแบบดั้งเดิม มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น ลดปริมาณถุงพลาสติก อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ตอบโจทย์ SMEs ไทย และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ดร.ณรงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า ปัญหาของ “ขยะพลาสติก” ทั้งบนบกและในทะเล เป็นปัญหาที่สำคัญที่ทั่วโลกตื่นตัวกันมาก ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 10 ของประเทศที่ทิ้งขยะพลาสติกสู่ท้องทะเลมากที่สุดในโลก สาเหตุมาจากพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ซึ่งมีอัตราส่วนมากถึง 40% ของขยะพลาสติกทั้งหมด และจากนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดการลดและเลิกใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง จำนวน 7 ชนิด ที่พบมากในทะเลของประเทศไทย ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม รวมถึงกระบวนการจัดการขยะมีความจำเป็นต้องใช้ถุงพลาสติกเพื่อรวบรวมและขนส่งขยะ เช่น ขยะเศษอาหาร ไม่ให้ปนเปื้อนกับขยะที่รีไซเคิลได้และขยะอื่น ๆ สวทช. โดย เอ็มเทค จึงได้วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีคอมพาวด์ย่อยสลายและถุงพลาสติกย่อยสลายได้สำหรับขยะเศษอาหาร โดยนำแป้งมันสำปะหลังมาเป็นวัตถุดิบเริ่มต้น ตอบโจทย์ BCG เพิ่มมูลค่าของอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังและยกระดับรายได้ให้เกษตรกร พร้อมทั้งเตรียมถ่ายทอดเทคโนโลยีกล่าวให้กับภาคเอกชนต่อไป
นายเขม หวั่งหลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอ็มเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า จุดเริ่มโครงการนี้มาจากความร่วมมือทางด้านงานวิจัยระหว่าง บ.เอสเอ็มเอสฯ และ เอ็มเทค สวทช. และขยายผลให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในระดับอุตสาหกรรมซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก บ.ทานตะวันอุตสาหกรรมฯ ในการเป่าขึ้นรูปถุง ทำให้ประชาชนผู้ใช้มั่นใจได้ว่าถุงขยะสำหรับใส่ขยะเศษอาหารที่มีส่วนผสมของ TAPIOPLAST สามารถย่อยสลายทางชีวภาพ ไม่เหลือสิ่งตกค้างที่จะเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ในปัจจุบันนี้มีการใช้พลาสติกชีวภาพเพียง 1% ของการใช้พลาสติกทั้งหมด และอุปสรรคในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพที่สำคัญ คือ ปัญหาในด้านต้นทุนการผลิต และประสิทธิภาพในการใช้งาน ทำให้การนำมาประยุกต์ใช้จริงเป็นไปได้ยาก ดังนั้นบริษัทจึงได้คิดค้นพัฒนาแป้งมันสำปะหลังดัดแปรให้อยู่ในรูปของเม็ดพลาสติก เป็นรายแรกของประเทศไทยที่ตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างแท้จริง โดยถุงสำหรับใส่ขยะเศษอาหารนี้มีส่วนผสมของไบโอพลาสติกนี้มีชื่อว่า TAPIOPLAST สามารถทำให้เกิดการย่อยสลายได้ดีขึ้นและเร็วขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นเมื่อใช้ TAPIOPLAST เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ย่อยลายทางชีวภาพหลากหลายชนิด รวมถึงถุงเพาะชำกล้าไม้ เป็นต้น จะได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และราคาลดลง ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันด้านราคาได้มากขึ้น ทำให้ขยายการใช้ในวงกว้างประกอบกับการจัดการขยะที่ถูกวิธี อย่างไรก็ดี เมื่อทุกภาคส่วนช่วยกันผลักดัน ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ ภาคประชาชนและเกษตรกรเพื่อสร้างนวัตกรรมตอบโจทย์ ความต้องการของประเทศสร้างความเข้มแข็งในการแข่งขันในระดับชาติ ทำให้ได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน เกิดความมั่นคงทางด้านวัตถุดิบ เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ดังนั้นการพัฒนาแป้งมันสำปะหลังดัดแปรเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ จึงเป็นการปฏิบัติที่ใช้หลักการเศรษฐกิจแบบ BCG
ด้าน นางสาวนฤศสัย มหฐิติรัฐ กรรมการบริหาร บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า บ.ทานตะวันฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญของระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนและดำเนินงาน ภายใต้แนวคิด “ทานตะวันเพื่อทุกชีวิตที่ยั่งยืน” ด้วยหลัก 6R คือ Re-Thinking, Re-Designing, Re-Duce Material, Re-Process, Re-Energy และ Re-Covering เช่น ตั้งเป้านำพลาสติกที่เหลือจากขบวนการผลิตกลับมาใช้ประโยชน์ให้ได้ 100% และริเริ่มผลักดันผลิตภัณฑ์ที่เหลือจากกระบวนการผลิตดังกล่าวมาต่อยอดทางธุรกิจ ในส่วนของ Bio และ Green Economy บริษัทฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยนำวัตถุดิบที่ผลิตจากธรรมชาติ เช่น อ้อย และข้าวโพด มาใช้ผลิตสินค้าประเภท Bio Plastic ซึ่งรวมถึงพลาสติกสลายตัวได้ทางชีวภาพ หรือที่เรียกว่า Compostable Plastic เช่น หลอด ถุงขยะ ถุงซิป ภายใต้เครื่องหมายการค้า“SUNBIO” ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อม
สำหรับการสนับสนุนหรือต่อยอดงานวิจัยไทย บริษัทฯ ร่วมทำวิจัยกับมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายโครงการ และ ได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีงานวิจัยจาก เอ็มเทค สวทช. เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าถุงยืดอายุผักและผลไม้ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “Fresh & Fresh” ที่คิดค้นด้วยเทคโนโลยี MAP คือบรรจุภัณฑ์ที่มีการควบคุมระดับการเข้าออกของก๊าซภายในถุง ให้อยู่ในสภาพดัดแปลงบรรยากาศแบบสมดุล (EMA) เรียกได้ว่าเป็น “ถุงหายใจได้” มีคุณสมบัติทำให้ผักและผลไม้มีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานกว่าถุงทั่วไป ยืดอายุความสดใหม่ของผักและผลไม้ “ทั้งนี้ บ.ทานตะวันฯ ในฐานะองค์กรหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งรณรงค์ส่งเสริมกับพันธมิตรทุกภาคส่วนเพื่อให้สังคมของเราจัดการปัญหาพลาสติกได้อย่างยั่งยืน และอยากย้ำเตือนว่าพลาสติกไม่ใช่ผู้ร้าย พลาสติกเป็นสิ่งที่มีประโยชน์เมื่อเรานำมาใช้ซ้ำ และมีการจัดการอย่างถูกวิธีและเหมาะสม” นางสาวนฤศสัย กล่าวทิ้งท้าย
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.