ภายหลังการปรับบทบาท มหาวิทยาลัย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และชุมชนในพื้นที่ บูรณาการแก้ไขปัญหาในมิติต่างๆจนสามารถยกระดับเศรษฐกิจให้เกิดความยั่งยืนได้จริงและประสบผลสำเร็จด้วยดีสำหรับ โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ) หรือ โครงการ U2T โดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ผสานความร่วมมือกับอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้ อว. ที่ดำเนินงานมาเป็นระยะเวลา 10 ปี ในการทำงานแบบบูรณาการและเป็นรูปธรรมตลอดปี 2565 ในพื้นที่ 7,435 ตำบล ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับคำปรึกษาและพัฒนาแล้วกว่า 15,000 ชนิด
สำหรับปีงบประมาณ 2566 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ยังคงมุ่งเน้นเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและบริการด้าน BCG หรือ Bio Circular Green Economy การผสมผสานระหว่างเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green) ในพื้นที่ด้วยองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อให้ผลิตภัณฑ์และบริการออกสู่ตลาดอย่างเป็นระบบ มีการทำตลาดและขายสินค้าทั้ง online/offline ทั้งในและต่างประเทศ โดย อว.เป็นผู้พัฒนาระบบ ในการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม (Platform) ที่สำคัญมีการจัดทำข้อมูล Thailand Community Data (TCD) ให้สมบูรณ์ครบทุกพื้นที่ รวมถึงการถ่ายทอดการใช้ประโยชน์จาก TCD ให้ผู้ที่จะใช้ประโยชน์ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและชุมชน
ในการนี้ ดร.ดนุช ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมคณะ ประธานเปิดงาน มหกรรม U2T For BCG ช็อป ชิม โชว์ ยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลก ณ ศูนย์วัฒน์ธรรมเฉลิมพระเกียรติราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์พระนครศรีอยุธยา วาสุกรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อันเป็นพื้นที่เป้าหมายได้จัดกิจกรรมตาม “โครงการส่งเสริมการตลาด เพื่อประชาสัมพันธ์และแนะนำผลิตภัณฑ์สินค้า U2T for BCG” จัดแสดงสินค้าออกสู่ตลาดผู้บริโภค เพื่อขยายโอกาสและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและพัฒนาช่องทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจและภาคบริการ
ดร.ดนุช กล่าวถึงการดำเนินโครงการ U2T ในปี 2566 ว่า “หลังจากประสบความสำเร็จจากโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ) หรือ โครงการ U2T เราได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ของชุมชนในรูปแบบต่างๆ สำหรับปีนี้ อว. ตอกย้ำด้วย โครงการส่งเสริมการตลาดเพื่อประชาสัมพันธ์และแนะนำผลิตภัณฑ์สินค้า U2T for BCG หลังจากใช้แนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบ BCG หรือ Bio Circular Green Economy เข้าไปพัฒนาผลผลิตของพี่น้องประชาชน ประสบความสำเร็จด้วยดี มีผลิตภัณฑ์ที่โครงการของเราได้ให้คำปรึกษากว่า 15,000 ชนิด เมื่อมีสินค้าแล้วก็ต้องมีการจัดจำหน่ายแต่จะจำหน่ายอย่างไร จะเข้าถึงผู้บริโภคอย่างไร นี่คือสิ่งที่ อว. ต้องส่งเสริมและสนับสนุนเพื่อให้ประชาชนได้เป็นผู้ประกอบการมืออาชีพในอนาคต สร้างความเข้าใจและปรับตัวในการผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับ BCG ได้ ซึ่ง อว. ผสานความร่วมมือกับอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย หรือ Science Park ,คลินิกเทคโนโลยี ผู้ผลิตสินค้าระดับโอทอป และ หน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษา หรือ University Business Incubator : UBI เข้ามาช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ U2T อย่างเต็มที่ ถือเป็นการโชว์สินค้า แชร์เทคโนโลยี และนำไปต่อยอดต่อไปได้ อาทิเช่นผลิตภัณฑ์น้ำพริก หรือ พริกแกงต่างๆ เขาจะมีอายุสั้น เสียเร็ว จำหน่ายในห้างสรรพสินค้าไม่ได้ แต่ Science Park หรือ คลินิกเทคโนโลยี จะเป็นผู้คิดค้นหาวิธีให้ผลิตภัณฑ์มีอายุนานขึ้น นี่คือนวัตกรรมที่เราทำ พี่น้องประชาชนก็จะได้ผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น ขายได้มากขึ้น หรือผลผลิตทางการเกษตรอย่างอะโวคาโด หากเก็บผลผลิตได้ 1,000 กิโลกรัม แต่จำหน่ายได้เพียง 600 กิโลกรัม ที่สุกงอมจนขายไม่ได้ราว 400 กิโลกรัม ซึ่งเกษตรกรต้องแบกรับภาระนี้มานาน แต่ตอนนี้ไม่ต้องทิ้งแล้วครับ เรานำมาทำเป็นคุกกี้อะโวคาโด ไอศกรีม และ แยมอะโวคาโด รสชาติอร่อยมาก สำหรับผลิตภัณฑ์ที่นำมาแสดงที่ อยุธยา วันนี้ ก็เป็นผลิตภัณฑ์เด่นของจังหวัดภายใต้โครงการ U2T FOR BCG ซึ่งเขาได้นำองค์ความรู้ที่ได้รับจากทางมหาวิทยาลัยไปปรับใช้จริง มีการอบรม สาธิตการทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ จำหน่ายสินค้า โดยงานแสดงสินค้าเหล่านี้จะจัดขึ้นในจังหวัดเป้าหมายหลัก ตลอดเดือน มกราคม – มีนาคม 2566 จังหวัดต่อไปคือ หนองคาย สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ราชบุรี นครปฐม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ฯลฯ กระจายในทุกภาคทั่วประเทศ และเพิ่มศักยภาพการจำหน่ายช่องทางออนไลน์ด้วย เราลงพื้นที่ไปให้ความรู้ ให้เขาเรียนรู้อย่างเป็นระบบ ทุกวันนี้พี่น้องประชาชนทำห้องไลฟ์ขายของกันแล้ว เขาสนุกกับสิ่งที่ทำ และขายสินค้าได้ การท่องเที่ยวก็เป็นส่วนหนึ่งของ BCG ในการเอาอารยธรรมของชุมชนมาสร้างคอนเท้นท์ นำพาสู่นักท่องเที่ยวเพื่อให้มาเยี่ยมเยียนเรา เมื่อเขามาเยี่ยมเยียน ก็เกิดการจับจ่ายสนับสนุนสินค้าและการท่องเที่ยวในจังหวัดนั้นๆ
สุดท้ายผมฝากถึงพี่น้องประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการทั่วประเทศ เรามีหน่วยงานหลักสำหรับให้คำปรึกษาและร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนอยู่ในทุก มหาวิทยาลัย ทั้ง คลินิกเทคโนโลยี , Science Park/ OTOP และ UBI หากท่านมีความสนใจหรือต้องการพัฒนาสินค้าต่างๆ สามารถติดต่อไปได้ที่ มหาวิทยาลัย ใกล้บ้าน เราให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี การตลาด การจัดการ เพื่อต่อยอด กระทวงเราไม่ได้ห่างเหินจากประชาชน แต่เราลงพื้นที่ ดูแลและเป็นกองหนุนให้กับทุกกระทรวง หวังว่าพี่น้องประชาชนจะได้ใช้โครงสร้างของเราในการทำงานอย่างยั่งยืน สร้างชีวิตใหม่ สร้างผู้ประกอบการมืออาชีพในแต่ละตำบล และทำให้เกิดการสานต่อผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม” ดร.ดนุช กล่าวปิดท้าย
เผยแพร่ข่าว : นางสาวพรชิตา รุกขชาติ
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3972 โทรสาร 0 2333 3834
e-mail : pr@mhesi.go.th
Facebook : @MHESIThailand
Twiiter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.