เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวแสดงความยินดีกับงานแถลงข่าว “1 ปี แผนปฏิบัติการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย และก้าวสำคัญในการขับเคลื่อน Medical AI” เตรียมความพร้อมรองรับการพัฒนา AI ส่งเสริมเศรษฐกิจ ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศในทุกมิติ โดยมี ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เลขานุการร่วมของคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย กล่าวรายงาน พร้อมลงนามความร่วมมือ “การวิจัยพัฒนาชุดข้อมูลและนวัตกรรม เพื่อต่อยอดการใช้ประโยชน์ด้านปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์” ระหว่าง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และ สวทช. ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวง อว.
ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ กล่าวว่า กระทรวง อว. ยินดีที่มีส่วนสำคัญในการร่วมกันผลักดันการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์เป้าหมายของแผนฯ ที่กำหนดไว้ ให้เกิดผลลัพธ์อย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรม ซึ่งประเทศไทยจำเป็นต้องเตรียมการเพื่อให้เท่าทันต่อการเข้ามาของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI การเตรียมความพร้อมในระดับต่าง ๆ รวมทั้งการสร้างความสามารถทางเทคโนโลยี AI ในประเทศเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งแผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าวนี้ได้วางมิติการพัฒนาได้อย่างครบถ้วน ทั้งในเรื่องของกฎหมาย โครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนากำลังคน การวิจัยพัฒนา และส่งเสริมการประยุกต์ใช้งาน AI ซึ่งในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาของการดำเนินงาน ภายหลังอนุมัติแผนฯ อย่างเป็นทางการ ได้แสดงให้เห็นถึงพลังความร่วมมือที่ทุกท่านได้เข้ามามีบทบาทร่วมกันผลักดันการดำเนินงาน จนเกิดผลงานตัวชี้วัดที่สำคัญ ที่ส่งผลกระทบทั้งเชิงเศรษฐกิจและสังคม สำหรับอีกหนึ่งความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น
ขณะที่ ศ.ดร.ชูกิจ กล่าวว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา มีผลการดำเนินงานที่สำคัญในด้านต่าง ๆ 1. ด้านจริยธรรมและธรรมาภิบาล มีการจัดทำคู่มือจริยธรรม AI เล่มแรกของไทย การจัดหลักสูตรจริยธรรมที่เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และการเปิดตัวศูนย์ธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ AI อย่างถูกต้องและมีความรับผิดชอบ 2. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน มีการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางบริการ AI บนคลาวด์ภาครัฐ (GDCC) รวมทั้งเปิดให้บริการ LANTA ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพการคำนวณอันดับ 1 ในอาเซียน และอันดับที่ 70 ของโลก สำหรับการวิจัยและพัฒนาของภาครัฐและเอกชน 3. ด้านการพัฒนากำลังคน ขณะนี้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนากำลังคนด้าน AI ได้เห็นชอบภาพรวมข้อเสนอการพัฒนากำลังคนด้าน AI เพื่อสร้างบุคลากรที่มีทักษะความรู้ความเชี่ยวชาญด้าน AI ในทุกระดับและทุกสาขาตรงตามความต้องการของเอกชน 4. ด้านนวัตกรรมและการประยุกต์ใช้ มีหน่วยงานภาครัฐใน 76 จังหวัด นำระบบวิเคราะห์เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาความยากจนแบบชี้เป้า เข้าไปขับเคลื่อนการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย ทั้งนี้จากการดำเนินงานขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์ในด้านต่าง ๆ ส่งผลให้ปัจจุบันมีบุคลากรเข้ารับการอบรมในโครงการและหลักสูตร AI จำนวน 83,721 คน มีโครงการวิจัยและพัฒนาด้าน AI ในกองทุนวิจัยมูลค่า 1,290 ล้านบาท มีสตาร์ตอัปลงทุนเพิ่มจากการส่งเสริมของรัฐมูลค่า 639 ล้านบาท และที่สำคัญคือจากการจัดอันดับดัชนีความพร้อมด้านปัญญาประดิษฐ์ของรัฐบาล (AI Government Readiness Index) ประเทศไทยเลื่อนอันดับขึ้นจาก 59 เป็น 31 ทันทีที่มีแผนปฏิบัติการ AI ในปีที่ผ่านมา
ศ.ดร.ชูกิจ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันประเทศไทยเริ่มนำ AI เข้ามาประยุกต์ใช้ทางการแพทย์มากขึ้น แต่โจทย์ใหญ่คือการพัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลเปิดด้านการแพทย์ที่เปิดโอกาสให้นักวิจัยด้าน AI เข้าถึง เนื่องจากที่ผ่านมามีข้อกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ป่วย รวมถึงการขาดการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ดังนั้นความร่วมมือในการพัฒนา Medical AI ของทั้ง 3 หน่วยงานในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้นักวิจัยด้าน AI ได้เข้าถึงคลังข้อมูลทางการแพทย์ เช่น ภาพเอกซเรย์ทรวงอก ภาพ MRI/CT มะเร็ง ภาพจอประสาทตา (โดยข้อมูลมีการจัดการด้านข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ผ่านคณะกรรมการ Medical AI DATA Consortium) เพื่อให้สามารถนำความเชี่ยวชาญด้าน AI เข้าไปส่งเสริม ขยายผล และต่อยอดการใช้ประโยชน์ของข้อมูล ดังเช่น กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ประสบความสำเร็จในการพัฒนา “AIChest4All” ซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้แพทย์คัดกรองผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด วัณโรค โรคทรวงอก และความผิดปกติอื่น ๆ ได้อย่างถูกต้องแม่นยำใน 1 นาที เครือข่ายความร่วมมือที่ครบวงจรเช่นนี้จะดึงดูดให้โรงพยาบาลวิจัย และหน่วยงานสาธารณสุข ให้ความสนใจเข้าร่วมอีกไม่น้อย นับเป็นอีกความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI จะเข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพด้านการแพทย์และสาธารณสุขให้มีความทันสมัย รวมทั้งผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการแพทย์ (Medical Hub) ของเอเชีย”
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.