ณ ตอนนี้เชื่อว่าหลายๆคนคงให้ความสนใจกับเรื่องของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 กันมาก ทั้งนี้ยังทำให้คนหันมาสนใจอ่านบทความหรือฟังเรื่องราวที่เกี่ยวกับเชื้อโรคและการดูแลสุขภาพ สุขอนามัยกันมากยิ่งขึ้น และหลายคนก็อาจจะได้ยินคำว่าไวรัสกับแบคทีเรียกันอยู่บ่อยๆ เราเคยสงสัยกันบ้างไหมว่า ไวรัสกับแบคทีเรียมีความแตกต่างกันอย่างไร และก่อให้เกิดโรคอะไรได้บ้าง ไวรัสกับแบคทีเรียใครร้ายกว่ากัน ?
มาเริ่มกันที่แบคทีเรีย แบคทีเรียเป็นจุลินทรีย์เล็ก ๆ ที่ประกอบด้วยเซลล์เดียว มีส่วนประกอบคล้ายเซลล์สิ่งมีชีวิตอื่นแต่ไม่มีเยื่อหุ้มเซลล์ มีขนาดตั้งแต่ 0.3 ไมครอนไปจนถึงขนาด 750 ไมครอน โดยมีความหลากหลายมากและสามารถมีรูปร่างและลักษณะโครงสร้างได้หลากหลาย โดยแบคทีเรียสามารถอาศัยอยู่ได้ในเกือบทุกสภาพแวดล้อมรวมถึงไปถึงในร่างกายของมนุษย์ เมื่อเข้าไปในร่างกายหรือสิ่งมีชีวิตจะก่อให้เกิดโรคจากการที่ตัวมันปล่อยสารพิษออกมาหรือการที่ร่างกายตอบโต้แบคทีเรียก็จะทำให้ เกิดอาการบวมอักเสบ เป็นไข้ ตัวร้อนได้เช่นกัน รวมถึงแบคทีเรียบางชนิดเองก็จู่โจมถึงระดับเซลล์ แย่งอาหารและทำให้เซลล์ตายในที่สุดได้ด้วย
ไวรัสเป็นจุลินทรีย์ขนาดเล็กอีกประเภทหนึ่งแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่าแบคทีเรียก็ตาม เช่นเดียวกับแบคทีเรีย พวกมันมีความหลากหลายมากและมีรูปร่างและคุณสมบัติที่หลากหลาย โดยตัวของเป็นอนุภาคชนิดหนึ่งมีโครงสร้างไม่ซับซ้อน และมีขนาดอยู่ในช่วงระหว่าง 20-300 นาโนเมตร มีโครงสร้างและส่วนประกอบง่าย ๆ คือ ส่วนแกนกลาง (Core) มีกรดนิวคลีอิกทำหน้าที่ควบคุมการสร้างส่วนประกอบไวรัสและ ถ่ายทอดพันธุกรรม ส่วนที่ทำหน้าที่เป็นโปรตีนห่อหุ้มหรือแคปสิด(Capsid) ทำหน้าที่ห่อหุ้มป้องกันส่วนแกนกลางและใช้ยึดเกาะกับเซลล์สิ่งมีชีวิต เปลือกหุ้ม (Envelope) หุ้มรอบแคปสิดอีกที ไวรัสสามารถบุกรุกเซลล์ในร่างกายของมนุษย์ได้โดยใช้ส่วนประกอบเซลล์ของมนุษย์เพื่อเติบโตและเพิ่มจำนวน เสมือนโรงงานผลิตไวรัสและเซลล์นั้นก็จะ ไม่สามารถทำหน้าที่ที่เป็นประโยชน์กับร่างกายจนตายไปในที่สุดแล้วไวรัสก็จะไปจู่โจมเซลล์ตัวใหม่ไปเรื่อยๆจนเป็นที่มาของการเกิดโรค
ทั้งนี้ไวรัสและแบคทีเรียเองก็มีรูปร่างและขนาดแตกต่างไปตามสายพันธุ์อีก แต่มนุษย์ก็ไม่สามารถเห็นพวกมันทั้งคู่ ด้วยตาเปล่าได้อยู่ดีทำให้เรามีโอกาสโดนโจมตีจากเชื้อโรคทั้งสองชนิดได้ทุกเมื่อทุกเวลา โดยความน่ากลัวของเชื้อโรคสำหรับแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปตามประสบการณ์ที่ได้พบโดยตรงหรือทางอ้อมซึ่งถ้าให้เปรียบเทียบ อาจได้ผลที่ต่างกัน แต่ที่แน่ๆคือเราทุกคนควรรู้จักป้องกันตัวรักษาสุขอนามัย เพื่อไม่ให้ติดเชื้อเหล่านี้ เลยจะดีที่สุด