รายงานข่าววิทยาศาสตร์
เมื่อ วันที่ 4 มีนาคม 2563 ณ กรุงบรัสเซลส์ คณะกรรมาธิการยุโรปได้มีการเสนอกฎหมายสภาพ ภูมิอากาศของยุโรป (European Climate Law) ที่มี เป้าหมายปลอดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้ได้ ภายในปีค.ศ. 2050 เพื่อการปกป้องโลกและมนุษย์ ทั้งนี้กฎหมายสภาพภูมิอากาศของยุโรป (European Climate Law) นอกจากกำหนดเป้าหมายในปี ค.ศ. 2050 แล้วยังกำหนดทิศทางของการขับเคลื่อน นโยบายของสหภาพยุโรปทั้งหมดที่จะช่วยให้หน่วยงาน สาธารณะ ภาคธุรกิจ และประชาชน สามารถ คาดการณ์ได้ในขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการได้มี การเปิดรับฟังความเห็นสาธารณะเพื่อร่วมกันออกแบบ กฎหมายนี้ด้วย นาง Ursula von der Leyen ประธาน คณะกรรมาธิการยุโรปได้กล่าวว่า “เรากำลังทำหน้าที่ ในวันนี้เพื่อทำให้สหภาพยุโรปเป็นภูมิภาคแห่งแรกของ โลกที่มีการปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050 โดยกฎหมายสภาพภูมิอากาศ (Climate law) ของยุโรปนี้ เป็นมาตรการทางกฎหมายที่มี ความสำคัญมากที่สุดเพื่อการผลักดันนโยบายข้อตกลง ยุโรปสีเขียว ( European Green Deal) ที่ได้เปิด แถลงข่าวเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2563 และได้แถลงต่อ สภายุโรปเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2563 ให้เกิดขึ้นในทาง ปฏิบัติถือได้ว่ากฎหมายสภาพภูมิอากาศ (Climate law) นี้เป็นหัวใจของนโยบายข้อตกลงสีเขียว (Green Deal ) ของสหภาพยุโรป เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนใน อนาคตของสหภาพยุโรป สามารถคาดการณ์ได้และ เป็นมาตรการที่มีความโปร่งใสต่อภาคอุตสาหกรรมและ นักลงทุนในยุโรป ทั้งยังเป็นสิ่งที่กำหนดทิศทางสู่กล ยุทธ์การเติบโตสีเขียวของสหภาพยุโรป และรับประกัน ว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อย ไป และมีความเป็นธรรม”
เผยแพร่ข่าว : นายธัชนนท์ บุญหล้า
ส่วนสื่อสารองค์กร สำนักบริหารกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3728 - 3732 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.