"อว. เผยฉีดวัคซีนทั่วโลกแล้ว 925 ล้านโดส ใน 174 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 25 ล้านโดส ไทยฉีดแล้วมากกว่า 7 แสนโดส"
เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 925 ล้านโดส ใน 174 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 15.9 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณารายประเทศพบว่าอิสราเอลได้ฉีดวัคซีนครอบคุลมเกินครึ่งของประชากรแล้ว ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 213 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 86.2 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 25 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (14.6% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 17 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 21 เมษายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 712,610 โดส โดยฉีดให้กับบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 44%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 925 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 3 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 60% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 213.39 ล้านโดส (33.3% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. จีน จำนวน 195.02 ล้านโดส (7%)
3. อินเดีย จำนวน 130.03 ล้านโดส (4.8%)
2. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 8 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. อิสราเอล (57.2% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (45.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. มัลดีฟส์ (45.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford)
4. บาห์เรน (37%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
5. ชิลี (34.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. สหรัฐอเมริกา (33.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Johnson&Johnson)
7. สหราชอาณาจักร (32.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Pfizer/BioNTech)
8. ภูฏาน (32.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford)
3. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 46.96%
2. อเมริกาเหนือ 26.12%
3. ยุโรป 17.99%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.1%
5. แอฟริกา 1.63%
6. โอเชียเนีย 0.2%
4. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 22,984,902 โดส ได้แก่
1. สิงคโปร์ จำนวน 2,213,888 โดส (19.5% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
2. กัมพูชา จำนวน 1,656,026 โดส (5% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm
3. อินโดนีเซีย จำนวน 17,275,001 โดส (3.2% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac
4. มาเลเซีย จำนวน 1,210,779 โดส (1.9% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Sinovac
5. เมียมมา จำนวน 1,040,000 โดส (1% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
6. ลาว จำนวน 151,175 โดส (1% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm
7. ฟิลิปปินส์ จำนวน 1,562,563 โดส (0.7% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
8. ไทย จำนวน 712,610 โดส (0.5% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
9. บรูไน จำนวน 2,323 โดส (0.3% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
10. เวียดนาม จำนวน 80,857 โดส (<0.1% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
5. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 19 เมษายน 2564
จัดสรรวัคซีนแล้วทั้งหมด 1,821,045 โดส
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 712,610 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 604,947 โดส
-เข็มสอง 107,663 โดส
กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการฉีดวัคซีน เรียงตามสัดส่วนมากที่สุด ได้แก่
-บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข และ อสม. 44%
-ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 37%
-เจ้าหน้าที่อื่นๆที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 10%
-ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป 5%
-บุคคลที่มีโรคประจำตัว อย่างละ 4%
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.