"อว. เผยฉีดวัคซีนทั่วโลกแล้ว 1,044 ล้านโดส ใน 191 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 28.8 ล้านโดส ไทยฉีดแล้วมากกว่า 1.2 ล้านโดส"
เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 1,023 ล้านโดส ใน 191 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 19.2 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณารายประเทศพบว่าอิสราเอลได้ฉีดวัคซีนครอบคลุมเกินครึ่งของประชากรแล้ว ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 231 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 95.9 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 28.8 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (19.5% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 18.8 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 27 เมษายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 1,227,032 โดส โดยฉีดให้กับบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 51.6%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 1044 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 3 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 60% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 230.77 ล้านโดส (36% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. จีน จำนวน 224.90 ล้านโดส (8%)
3. อินเดีย จำนวน 145.09 ล้านโดส (5.3%)
2. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. อิสราเอล (57.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ Pfizerและ Moderna)
2. มัลดีฟส์ (50.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca,Pfizer และ Sinopharm )
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (47.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Sinopharm และ Sputnik V)
4. บาห์เรน (39.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Sinopharm และ Sputnik V)
5. ชิลี (37%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Sinovac)
6. สหรัฐอเมริกา (35.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Johnson&Johnson)
7. สหราชอาณาจักร (36%) (ฉีดวัคซีนของ J&J, Moderna และ Pfizer)
8. ภูฏาน (32.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca)
9. ฮังการี (27%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Moderna, Pfizer, Sinopharm และ Sputnik V)
10. กาตาร์ (25.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer)
3. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 47.6%
2. อเมริกาเหนือ 25.22%
3. ยุโรป 18.09%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.03%
5. แอฟริกา 1.73%
6. โอเชียเนีย 0.21%
4. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 22,984,902 โดส ได้แก่
1. สิงคโปร์ จำนวน 2,213,888 โดส (19.5% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
2. กัมพูชา จำนวน 2,027,968 โดส (6% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm
3. อินโดนีเซีย จำนวน 18,895,949 โดส (3.5% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac
4. มาเลเซีย จำนวน 1,305,161 โดส (2% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Sinovac
5. ลาว จำนวน 184,387 โดส (1.3% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm
6. พม่า จำนวน 1,040,000 โดส (1% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
7. ไทย จำนวน 1,227,032 โดส (0.9% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
8. ฟิลิปปินส์ จำนวน 1,767,940 โดส (0.8% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
9. บรูไน จำนวน 2,323 โดส (0.3% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
10. เวียดนาม จำนวน 209,632 โดส (0.1% ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
5. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 27 เมษายน 2564
จัดสรรวัคซีนแล้วทั้งหมด 2,010,959โดส
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 1,227,032 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 1,012,388 โดส
-เข็มสอง 214,644 โดส
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.