"อว. เผยฉีดวัคซีนทั่วโลกแล้ว 1,607 ล้านโดส ใน 197 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 44.83 ล้านโดส ไทยฉีดแล้วมากกว่า 2.811 ล้านโดส"
➡️ (22 พฤษภาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 1,607 ล้านโดส ใน 197 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 28 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณารายประเทศพบว่าอิสราเอลได้ฉีดวัคซีนครอบคลุมเกินครึ่งของประชากรแล้ว ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 282 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 128 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 44.83 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (29.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 24.641 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 2,811,549 โดส โดยฉีดให้กับบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 40.5%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 1,607 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 90% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 466.70 ล้านโดส (16.7% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. สหรัฐอเมริกา จำนวน 281.60 ล้านโดส (43.9%)
3. สหภาพยุโรป จำนวน 216.11 ล้านโดส (24.4%)
4. อินเดีย จำนวน 193.30 ล้านโดส (7.1%)
2. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (61.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm )
2. อิสราเอล (58.3% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (55.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Sputnik V)
4. บาห์เรน (51.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Sputnik V)
5. ชิลี (45.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. สหรัฐอเมริกา (44.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Moderna และ Pfizer/BioNTech)
7. สหราชอาณาจักร (43.9%) (ฉีดวัคซีนของ J&J, Moderna และ Pfizer/BioNTech)
8. กาตาร์ (40.0%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech)
9. ฮังการี (39.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Moderna, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Sputnik V)
10. อุรุกวัย (35.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และSinovac)
3. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 52.62%
2. อเมริกาเหนือ 20.8%
3. ยุโรป 17.99%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.66%
5. แอฟริกา 1.67%
6. โอเชียเนีย 0.26%
4. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 44,830,394 โดส ได้แก่
1. สิงคโปร์ จำนวน 3,407,068 โดส (29.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
2. กัมพูชา จำนวน 3,673,639 โดส (10.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
3. ลาว จำนวน 728,918 โดส (5.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm และ Sputnik V
4. อินโดนีเซีย จำนวน 24,641,165 โดส (4.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 2,236,695 โดส (3.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 2,994,900 โดส (2.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
7. ไทย จำนวน 2,811,549 โดส (2.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
8. บรูไน จำนวน 15,905 โดส (1.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ฟิลิปปินส์ จำนวน 3,407,068 โดส (1.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
10. เวียดนาม จำนวน 1,021,085 โดส (0.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
5. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2564
จัดสรรวัคซีนแล้วทั้งหมด 3,448,618 โดส
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 2,811,549 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 1,849,393 โดส
-เข็มสอง 962,156 โดส
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.