อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 16 มิถุนายน ฉีดวัคซีนแล้ว 6,780,8164 โดส และทั่วโลกแล้ว 2,427 ล้านโดส ใน 199 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า68.182 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ จังหวัดภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 62.05%"
➡️(16 มิถุนายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 2,427 ล้านโดส ใน 199 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 35.1 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณารายประเทศพบว่าอิสราเอลได้ฉีดวัคซีนครอบคลุมเกินครึ่งของประชากรแล้ว ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 312 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 146 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 68.182 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (45.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 33.26 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 6,780,816 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 43.7%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 2,427 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2564
จัดสรรวัคซีนแล้วทั้งหมด 7,111,968 โดส
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 6,780,816 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 4,948,227 โดส (7.5% ของประชากร)
-เข็มสอง 1,832,589 โดส (2.8% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-16 มิ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 6,780,816 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 233,191 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 1,789,272 โดส
- เข็มที่ 2 39,366 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 3,158,955 โดส
- เข็มที่ 2 1,793,223 โดส
3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 91.37% ไม่มีผลข้างเคียง
- 8.63% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 2.07%
- ปวดศีรษะ 1.54%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 1.11%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 1.00%
- ไข้ 0.68%
- คลื่นไส้ 0.46%
- ท้องเสีย 0.30%
- ผื่น 0.25%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.20%
- อาเจียน 0.13%
- อื่น ๆ 0.89%
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 101.9% เข็มที่2 88.3%
- อสม เข็มที่1 23.9% เข็มที่2 12.1%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 6.8% เข็มที่2 0.3%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 8.4% เข็มที่1 1.7%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 27.1% เข็มที่2 14.8%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 7.8% เข็มที่2 2.4%
รวม เข็มที่1 9.9% เข็มที่2 3.7%
5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 14.49% เข็มที่2 4.56% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 19.35% เข็มที่2 5.42%
- นนทบุรี เข็มที่1 12.56% เข็มที่2 4.59%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 8.98% เข็มที่2 2.45%
- ปทุมธานี เข็มที่1 6.56% เข็มที่2 1.94%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 15.37% เข็มที่2 11.51%
- นครปฐม เข็มที่1 3.49% เข็มที่2 1.16%
จังหวัดอื่นๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 4.19% เข็มที่2 1.87%
- ภูเก็ต เข็มที่1 62.05% เข็มที่2 30.14%
- ระนอง เข็มที่1 15.67% เข็มที่2 6.36%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 9.15% เข็มที่2 3..37%
- เกาะสมุย เข็มที่1 45.98% เข็มที่2 21.02%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 8.65% เข็มที่2 2.60%
- เกาะเต่า เข็มที่1 17.59% เข็มที่2 0.91%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 68,182,584 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 33,264,392 โดส (7.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
2. ฟิลิปปินส์ จำนวน 7,045,380 โดส (4.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V และ AstraZeneca
3. ไทย จำนวน 6,780,816 โดส (7.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
4. กัมพูชา จำนวน 5,667,915 โดส (18.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
5. มาเลเซีย จำนวน 4,904,109 โดส (10.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 4,691,386 โดส (45.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
7. พม่า จำนวน 2,994,900 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
8. เวียดนาม จำนวน 1,648,072 โดส (1.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
9. ลาว จำนวน 1,122,128 โดส (9.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V
10. บรูไน จำนวน 63,486 โดส (11.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 59.23%
2. อเมริกาเหนือ 16.34%
3. ยุโรป 16.39%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.06%
5. แอฟริกา 1.69%
6. โอเชียเนีย 0.29%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 904.13 ล้านโดส (32.3% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. สหรัฐอเมริกา จำนวน 311.89 ล้านโดส (48.7%)
3. สหภาพยุโรป จำนวน 305.59 ล้านโดส (34.4%)
4. อินเดีย จำนวน 261.74 ล้านโดส (9.6%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (65.4% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm )
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (65.0%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. บาห์เรน (64.0%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. อิสราเอล (58.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
5. ชิลี (54.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. สหราชอาณาจักร (53.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
7. มองโกเลีย (50.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Sputnik V )
8. กาตาร์ (50.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech)
9. ฮังการี (49.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
10. สหรัฐอเมริกา (48.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Johnson&Johnso
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.