"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 18 มิถุนายน ฉีดวัคซีนแล้ว 7,219,668 โดส และทั่วโลกแล้ว 2,517 ล้านโดส ใน 199 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 71.379 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ จังหวัดภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 63.01%"
➡️(18 มิถุนายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 2,517 ล้านโดส ใน 199 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 37 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณารายประเทศพบว่าอิสราเอลได้ฉีดวัคซีนครอบคลุมเกินครึ่งของประชากรแล้ว ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 315 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 148 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 71.379 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (45.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 34.551 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 7,003,783 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 44.6%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 2,517 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2564
จัดสรรวัคซีนแล้วทั้งหมด 8,500,000 โดส
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 7,219,668 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 5,252,531 โดส (7.9% ของประชากร)
-เข็มสอง 1,967,137 โดส (3.0% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-18 มิ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 7,219,668 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 236,161 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 1,984,141 โดส
- เข็มที่ 2 46,414 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 3,268,390 โดส
- เข็มที่ 2 1,920,723 โดส
3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 91.89% ไม่มีผลข้างเคียง
- 8.11% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 1.95%
- ปวดศีรษะ 1.45%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 1.04%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.94%
- ไข้ 0.64%
- คลื่นไส้ 0.44%
- ท้องเสีย 0.28%
- ผื่น 0.24%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.18%
- อาเจียน 0.12%
- อื่น ๆ 0.83%
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 102.6% เข็มที่2 89.5%
- อสม เข็มที่1 24.8% เข็มที่2 12.7%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 7.3% เข็มที่2 0.4%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 9.0% เข็มที่1 1.8%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 28.1% เข็มที่2 15.3%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 8.2% เข็มที่2 2.7%
รวม เข็มที่1 10.5% เข็มที่2 3.9%
5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 15.63% เข็มที่2 5.13% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 20.75% เข็มที่2 6.17%
- นนทบุรี เข็มที่1 13.56% เข็มที่2 4.91%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 10.58% เข็มที่2 2.66%
- ปทุมธานี เข็มที่1 7.05% เข็มที่2 2.17%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 15.88% เข็มที่2 11.58%
- นครปฐม เข็มที่1 3.71% เข็มที่2 1.18%
จังหวัดอื่นๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 4.41% เข็มที่2 1.74%
- ภูเก็ต เข็มที่1 63.01% เข็มที่2 34.34%
- ระนอง เข็มที่1 17.92% เข็มที่2 6.37%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 9.41% เข็มที่2 3.43%
- เกาะสมุย เข็มที่1 45.99% เข็มที่2 21.03%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 8.66% เข็มที่2 5.01%
- เกาะเต่า เข็มที่1 17.59% เข็มที่2 0.96%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 71,379,224 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 34,551,233 โดส (8.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
2. ฟิลิปปินส์ จำนวน 7,563,241 โดส (5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V และ AstraZeneca
3. ไทย จำนวน 7,219,668 โดส (7.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
4. กัมพูชา จำนวน 5,839,250 โดส (18.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
5. มาเลเซีย จำนวน 5,330,654 โดส (11.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 4,691,386 โดส (45.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
7. พม่า จำนวน 2,994,900 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
8. เวียดนาม จำนวน 2,994,900 โดส (1.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
9. ลาว จำนวน 1,134,347 โดส (9.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V
10. บรูไน จำนวน 63,486 โดส (11.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 59.78%
2. อเมริกาเหนือ 15.96%
3. ยุโรป 16.27%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.05%
5. แอฟริกา 1.65%
6. โอเชียเนีย 0.29%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 945.15 ล้านโดส (33.8% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. สหภาพยุโรป จำนวน 315.44 ล้านโดส (35.5%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 314.97 ล้านโดส (49.2%)
4. อินเดีย จำนวน 268.67 ล้านโดส (9.8%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (66.3% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm )
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (66.0%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. บาห์เรน (64.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. อิสราเอล (58.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
5. ชิลี (54.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. สหราชอาณาจักร (54.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
7. มองโกเลีย (53.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Sputnik V )
8. กาตาร์ (51.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech)
9. ฮังการี (49.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
10. สหรัฐอเมริกา (49.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Johnson&Johnso
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.