"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 21 มิถุนายน ฉีดวัคซีนแล้ว 7,679,057 โดส และทั่วโลกแล้ว 2,625 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 75.004 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ จังหวัดภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 63.33%"
➡️(21 มิถุนายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 2,625 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 39.7 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณารายประเทศพบว่าอิสราเอลได้ฉีดวัคซีนครอบคลุมเกินครึ่งของประชากรแล้ว ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 318 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 150 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 75.004 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (45.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 35.586 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 7,679,057 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 45.2%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 2,625 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2564
จัดสรรวัคซีนแล้วทั้งหมด 8,500,000 โดส
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 7,679,057 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 5,526,039 โดส (8.3% ของประชากร)
-เข็มสอง 2,153,018 โดส (3.3% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-21 มิ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 7,679,057 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 153,130 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 2,179,000 โดส
- เข็มที่ 2 49,062 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 3,347,039 โดส
- เข็มที่ 2 2,103,956 โดส
3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 92.38% ไม่มีผลข้างเคียง
- 7.62% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 1.83%
- ปวดศีรษะ 1.36%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.98%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.89%
- ไข้ 0.60%
- คลื่นไส้ 0.41%
- ท้องเสีย 0.27%
- ผื่น 0.22%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.17%
- อาเจียน 0.11%
- อื่น ๆ 0.78%
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 103.3% เข็มที่2 90.5%
- อสม เข็มที่1 25.4% เข็มที่2 13.3%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 7.8% เข็มที่2 0.4%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 9.6% เข็มที่1 2.1%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 29.0% เข็มที่2 16.4%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 8.8% เข็มที่2 3.2%
รวม เข็มที่1 11.1% เข็มที่2 4.3%
5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 16.87% เข็มที่2 5.78% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 22.55% เข็มที่2 7.25%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 16.21% เข็มที่2 11.62%
- นนทบุรี เข็มที่1 14.25% เข็มที่2 5.36%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 11.53% เข็มที่2 2.75%
- ปทุมธานี เข็มที่1 7.69% เข็มที่2 2.35%
- นครปฐม เข็มที่1 4.01% เข็มที่2 1.23%
จังหวัดอื่นๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 4.56% เข็มที่2 1.84%
- ภูเก็ต เข็มที่1 63.33% เข็มที่2 40.73%
- ระนอง เข็มที่1 18.77% เข็มที่2 6.37%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 9.61% เข็มที่2 3.57%
- เกาะสมุย เข็มที่1 45.99% เข็มที่2 21.65%
- เกาะเต่า เข็มที่1 19.24% เข็มที่2 10.09%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 9.06% เข็มที่2 5.98%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 75,004,802 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 35,586,159 โดส (8.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
2. ฟิลิปปินส์ จำนวน 8,407,342 โดส (5.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V และ AstraZeneca
3. ไทย จำนวน 7,679,057 โดส (8.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
4. กัมพูชา จำนวน 6,098,584 โดส (19.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
5. มาเลเซีย จำนวน 5,815,575 โดส (12.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 4,691,386 โดส (45.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
7. พม่า จำนวน 2,994,900 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
8. เวียดนาม จำนวน 2,422,643 โดส (2.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
9. ลาว จำนวน 1,242,184 โดส (10.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V
10. บรูไน จำนวน 66,972 โดส (12.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 60.52%
2. อเมริกาเหนือ 15.54%
3. ยุโรป 16.05%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6%
5. แอฟริกา 1.6%
6. โอเชียเนีย 0.29%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,010.49 ล้านโดส (36.1% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. สหภาพยุโรป จำนวน 325.21 ล้านโดส (36.6%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 317.97 ล้านโดส (49.6%)
4. อินเดีย จำนวน 276.69 ล้านโดส (10.1%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (67.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
2. มัลดีฟส์ (66.3% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm )
3. บาห์เรน (65.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. อิสราเอล (58.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
5. ชิลี (56.0%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. สหราชอาณาจักร (55.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
7. มองโกเลีย (53.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และSputnik V )
8. กาตาร์ (51.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech)
9. อุรุกวัย (50.0%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinovac)
10. ฮังการี (49.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.