"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 22 มิถุนายน ฉีดวัคซีนแล้ว 7,906,696 โดส และทั่วโลกแล้ว 2,666 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 76.287 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ จังหวัดภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 63.46%"
➡️(22 มิถุนายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 2,666 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 39.2 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณารายประเทศพบว่าอิสราเอลได้ฉีดวัคซีนครอบคลุมเกินครึ่งของประชากรแล้ว ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 319 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 150 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 76.28 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (45.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 36.304 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 22 มิถุนายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 7,906,696 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 45.3%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 2,666 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 22 มิถุนายน 2564
จัดสรรวัคซีนแล้วทั้งหมด 8,500,000 โดส
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 7,906,696 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 5,678,848 โดส (8.6% ของประชากร)
-เข็มสอง 2,227,848 โดส (3.4% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-22 มิ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 7,906,696 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 141,204 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 2,304,890 โดส
- เข็มที่ 2 50,915 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 3,373,958 โดส
- เข็มที่ 2 2,176,933 โดส
3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 92.6% ไม่มีผลข้างเคียง
- 7.4% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 1.78%
- ปวดศีรษะ 1.32%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.95%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.86%
- ไข้ 0.58%
- คลื่นไส้ 0.40%
- ท้องเสีย 0.26%
- ผื่น 0.22%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.17%
- อาเจียน 0.11%
- อื่น ๆ 0.76%
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 103.7% เข็มที่2 91.1%
- อสม เข็มที่1 25.7% เข็มที่2 13.6%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 8.2% เข็มที่2 0.4%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 10% เข็มที่1 2.2%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 29.3% เข็มที่2 16.8%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 9% เข็มที่2 3.3%
รวม เข็มที่1 11.4% เข็มที่2 4.5%
5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 17.51% เข็มที่2 6.04% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 23.47% เข็มที่2 7.64%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 16.53% เข็มที่2 11.62%
- นนทบุรี เข็มที่1 14.69% เข็มที่2 5.54%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 11.93% เข็มที่2 2.86%
- ปทุมธานี เข็มที่1 7.94% เข็มที่2 2.55%
- นครปฐม เข็มที่1 4.15% เข็มที่2 1.26%
จังหวัดอื่นๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 4.66% เข็มที่2 1.88%
- ภูเก็ต เข็มที่1 63.46% เข็มที่2 43.33%
- ระนอง เข็มที่1 19.65% เข็มที่2 6.37%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 9.61% เข็มที่2 3.58%
- เกาะสมุย เข็มที่1 45.99% เข็มที่2 21.66%
- เกาะเต่า เข็มที่1 19.63% เข็มที่2 10.73%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 9.06% เข็มที่2 6.02%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 76,287,138 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 36,304,801 โดส (8.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
2. ฟิลิปปินส์ จำนวน 8,407,342 โดส (5.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V และ AstraZeneca
3. ไทย จำนวน 7,906,696 โดส (8.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
4. กัมพูชา จำนวน 6,171,269 โดส (20.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
5. มาเลเซีย จำนวน 6,051,198 โดส (13.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 4,691,386 โดส (45.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
7. พม่า จำนวน 2,994,900 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
8. เวียดนาม จำนวน 2,994,643 โดส (2.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
9. ลาว จำนวน 1,268,627 โดส (10.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V
10. บรูไน จำนวน 68,276 โดส (12.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 60.64%
2. อเมริกาเหนือ 15.4%
3. ยุโรป 15.96%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.06%
5. แอฟริกา 1.65%
6. โอเชียเนีย 0.29%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,029.22 ล้านโดส (36.8% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. สหภาพยุโรป จำนวน 328.83 ล้านโดส (37.0%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 318.58 ล้านโดส (49.7%)
4. อินเดีย จำนวน 280.04 ล้านโดส (10.2%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (67.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
2. มัลดีฟส์ (66.3% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm )
3. บาห์เรน (65.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. อิสราเอล (58.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
5. ชิลี (56.0%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. สหราชอาณาจักร (55.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
7. มองโกเลีย (53.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และSputnik V )
8. กาตาร์ (51.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech)
9. ฮังการี (50.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
10. อุรุกวัย (50.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.