"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 25 มิถุนายน ฉีดวัคซีนแล้ว 8,657,423 โดส และทั่วโลกแล้ว 2,809 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 81.678 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ จังหวัดภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 63.84%”
➡️(25 มิถุนายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 2,809 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 42.6 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณารายประเทศพบว่าอิสราเอลได้ฉีดวัคซีนครอบคลุมเกินครึ่งของประชากรแล้ว ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 321 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 151 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 81.678 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (50.5% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 38.394 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 25 มิถุนายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 8,657,423 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 46.1%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 2,809 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2564
จัดสรรวัคซีนแล้วทั้งหมด 10,600,000 โดส
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 8,657,423 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 6,206,353 โดส (9.4% ของประชากร)
-เข็มสอง 2 2,451,070 โดส (3.7% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-25 มิ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 8,657,423 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 250,242 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 2761,830โดส
- เข็มที่ 2 55,508 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 3,444,523 โดส
- เข็มที่ 2 2,395,562 โดส
3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 93.24% ไม่มีผลข้างเคียง
- 6.76% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 1.62%
- ปวดศีรษะ 1.21%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.79%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.81%
- ไข้ 0.53%
- คลื่นไส้ 0.36%
- ท้องเสีย 0.24%
- ผื่น 0.20%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.15%
- อาเจียน 0.10%
- อื่น ๆ 0.70%
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 104.7% เข็มที่2 92.8%
- อสม เข็มที่1 27.1% เข็มที่2 14.3%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 9.2% เข็มที่2 0.5%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 11.1% เข็มที่1 2.4%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 30.7% เข็มที่2 18.1%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 10.0% เข็มที่2 3.9%
รวม เข็มที่1 12.4% เข็มที่2 4.9%
5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 19.5% เข็มที่2 6.65% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 26.42% เข็มที่2 8.95%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 17.49% เข็มที่2 11.63%
- นนทบุรี เข็มที่1 15.67% เข็มที่2 5.99%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 13.33% เข็มที่2 3.12%
- ปทุมธานี เข็มที่1 8.42% เข็มที่2 3.02%
- นครปฐม เข็มที่1 5.06% เข็มที่2 1.29%
จังหวัดอื่นๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 5.06% เข็มที่2 1.98%
- ภูเก็ต เข็มที่1 63.84% เข็มที่2 49.86%
- ระนอง เข็มที่1 21.91% เข็มที่2 6.37%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 9.88% เข็มที่2 4.60%
- เกาะสมุย เข็มที่1 46.02% เข็มที่2 30.55%
- เกาะเต่า เข็มที่1 19.70% เข็มที่2 11.79%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 9.06% เข็มที่2 6.04%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 81,678,003 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 38,394,659 โดส (9.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
2. ฟิลิปปินส์ จำนวน 8,928,249โดส (6.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V และ AstraZeneca
3. ไทย จำนวน 8,657,423 โดส (9.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
4. มาเลเซีย จำนวน 6,823,104 โดส (15.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
5. กัมพูชา จำนวน 6,478,528 โดส (22.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 5,029,006 โดส (50.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
7. พม่า จำนวน 2,994,900 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
8. เวียดนาม จำนวน 2,920,248 โดส (2.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
9. ลาว จำนวน 1,382,009 โดส (11.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V
10. บรูไน จำนวน 69,877 โดส (13.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 61.48%
2. อเมริกาเหนือ 14.82%
3. ยุโรป 15.72%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.03%
5. แอฟริกา 1.65%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,095.90ล้านโดส (39.1% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. สหภาพยุโรป จำนวน 342.97 ล้านโดส (38.6%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 320.69 ล้านโดส (50.1%)
4. อินเดีย จำนวน 307.25 ล้านโดส (11.2%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (69.0%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
2. มัลดีฟส์ (67.2% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm )
3. บาห์เรน (66.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. อิสราเอล (59.0%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
5. ชิลี (57.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. สหราชอาณาจักร (56.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
7. มองโกเลีย (54.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และSputnik V )
8. กาตาร์ (52.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech)
9. อุรุกวัย (52.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinovac)
10. ฮังการี (51.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.