"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 6 กรกฎาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 11,058,390 โดส และทั่วโลกแล้ว 3,227 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 102.292 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ เกาะเต่า โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 72.50%”
➡️(6 กรกฎาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 3,227 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 36.6 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 331 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 157 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 102.292 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (61.3% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 47.444 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 11,058,390 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 48.7%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 3,227 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 11,058,390 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 8,022,029 โดส (12.1% ของประชากร)
-เข็มสอง 2 3,036,361 โดส (4.6% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 6 ก.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 11,058,390 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 162,033 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 132,084 โดส
- เข็มที่ 2 417 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 4,244,759 โดส
- เข็มที่ 2 62,121 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 3,645,186 โดส
- เข็มที่ 2 2,973,823 โดส
3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 94.71% ไม่มีผลข้างเคียง
- 5.29% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 1.27%
- ปวดศีรษะ 0.94%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.68%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.62%
- ไข้ 0.41%
- คลื่นไส้ 0.28%
- ท้องเสีย 0.19%
- ผื่น 0.15%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.12%
- อาเจียน 0.08%
- อื่น ๆ 0.54%
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 107.6% เข็มที่2 95.7%
- อสม เข็มที่1 31.9% เข็มที่2 17.4%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 12.5% เข็มที่2 0.8%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 15.1% เข็มที่1 3.4%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 35% เข็มที่2 22.6%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 13.7% เข็มที่2 5.1%
รวม เข็มที่1 16% เข็มที่2 6.1%
5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 26.26% เข็มที่2 8.63% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 35.83% เข็มที่2 11.17%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 21.29% เข็มที่2 12.34%
- นนทบุรี เข็มที่1 20.17% เข็มที่2 8.57%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 18.6% เข็มที่2 4.28%
- ปทุมธานี เข็มที่1 11.9% เข็มที่2 3.92%
- นครปฐม เข็มที่1 6.47% เข็มที่2 2.12%
จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 6.33% เข็มที่2 2.45%
- ภูเก็ต เข็มที่1 71.28% เข็มที่2 57.30%
- ระนอง เข็มที่1 27.73% เข็มที่2 6.51%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 14.60% เข็มที่2 6.30%
- เกาะสมุย เข็มที่1 62.08% เข็มที่2 42.33%
- เกาะเต่า เข็มที่1 72.50% เข็มที่2 11.86%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 35.77% เข็มที่2 6.40%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 102,292,289 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 47,444,009 โดส (12.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
2. ฟิลิปปินส์ จำนวน 11,708,029 โดส (8.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V และ AstraZeneca
3. ไทย จำนวน 11,058,390 โดส (12.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. มาเลเซีย จำนวน 9,320,476 โดส (20.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
5. กัมพูชา จำนวน 7,929,378 โดส (27.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 5,780,703 โดส (61.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
7. เวียดนาม จำนวน 3,903,105 โดส (3.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
9. ลาว จำนวน 1,552,182 โดส (13.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 96,017 โดส (18.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 63.29%
2. อเมริกาเหนือ 13.68%
3. ยุโรป 15.17%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 5.97%
5. แอฟริกา 1.58%
6. โอเชียเนีย 0.31%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,305.50 ล้านโดส (46.6% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. สหภาพยุโรป จำนวน 384.84 ล้านโดส (43.3%)
3. อินเดีย จำนวน 352.89 ล้านโดส (12.9%)
4. สหรัฐอเมริกา จำนวน 330.60 ล้านโดส (51.6%)
5. บราซิล จำนวน 105.42 ล้านโดส (25.3%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (72.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
2. บาห์เรน (69.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
3. มัลดีฟส์ (68.0% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)
4. ชิลี (60.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. อิสราเอล (59.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
6. สหราชอาณาจักร (59.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
7. กาตาร์ (58.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech)
8. อุรุกวัย (58.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinovac)
9. มองโกเลีย (55.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และSputnik V)
10. ฮังการี (54.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.