"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 7 กรกฎาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 11,328,043 โดส และทั่วโลกแล้ว 3,263 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 104.307 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ ภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 71.58%”
➡️(7 กรกฎาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 3,263 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 36.3 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 331 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 158 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 104.307 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (62.3% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 48.483 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 11,328,043 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 48.8%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 3,263 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 11,328,043 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 8,245,297 โดส (12.5% ของประชากร)
-เข็มสอง 2 3,082,746 โดส (4.7% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 7 ก.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 11,328,043 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 219,048 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 148,992 โดส
- เข็มที่ 2 480 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 4,434,633 โดส
- เข็มที่ 2 62,298 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 3,661,672 โดส
- เข็มที่ 2 3,019,968 โดส
3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 94.83% ไม่มีผลข้างเคียง
- 5.17% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 1.24%
- ปวดศีรษะ 0.92%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.66%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.60%
- ไข้ 0.41%
- คลื่นไส้ 0.28%
- ท้องเสีย 0.18%
- ผื่น 0.15%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.12%
- อาเจียน 0.08%
- อื่น ๆ 0.53%
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 107.9% เข็มที่2 95.9%
- อสม เข็มที่1 32.9% เข็มที่2 17.7%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 12.9% เข็มที่2 0.9%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 15.6% เข็มที่1 3.5%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 35.6% เข็มที่2 22.9%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 14.1% เข็มที่2 5.2%
รวม เข็มที่1 16.5% เข็มที่2 6.2%
5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 27.11% เข็มที่2 8.73% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 36.91% เข็มที่2 11.27%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 22.04% เข็มที่2 12.58%
- นนทบุรี เข็มที่1 20.61% เข็มที่2 8.64%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 19.34% เข็มที่2 4.37%
- ปทุมธานี เข็มที่1 12.34% เข็มที่2 3.99%
- นครปฐม เข็มที่1 7.08% เข็มที่2 2.13%
จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 6.50% เข็มที่2 2.50%
- ภูเก็ต เข็มที่1 71.58% เข็มที่2 57.31%
- ระนอง เข็มที่1 28.24% เข็มที่2 6.73%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 14.88% เข็มที่2 6.50%
- เกาะสมุย เข็มที่1 62.10% เข็มที่2 42.44%
- เกาะเต่า เข็มที่1 72.57% เข็มที่2 13.28%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 35.97% เข็มที่2 6.55%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 104,307,904 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 48,483,610 โดส (12.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
2. ฟิลิปปินส์ จำนวน 11,967,805 โดส (8.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V และ AstraZeneca
3. ไทย จำนวน 11,328,043 โดส (12.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. มาเลเซีย จำนวน 9,660,519 โดส (20.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
5. กัมพูชา จำนวน 7,929,378 โดส (27.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 5,858,571 โดส (62.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
7. เวียดนาม จำนวน 3,928,001 โดส (3.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
9. ลาว จำนวน 1,552,182 โดส (13.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 99,795 โดส (18.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 63.41%
2. อเมริกาเหนือ 13.58%
3. ยุโรป 15.14%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 5.99%
5. แอฟริกา 1.57%
6. โอเชียเนีย 0.31%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,318.42 ล้านโดส (47.1% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. สหภาพยุโรป จำนวน 388.53 ล้านโดส (43.7%)
3. อินเดีย จำนวน 360.96 ล้านโดส (13.2%)
4. สหรัฐอเมริกา จำนวน 331.21 ล้านโดส (51.7%)
5. บราซิล จำนวน 107.08 ล้านโดส (25.7%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (72.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
2. บาห์เรน (70.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
3. มัลดีฟส์ (68.0% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. ชิลี (61.0%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. อิสราเอล (59.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
6. สหราชอาณาจักร (59.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
7. กาตาร์ (59.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. อุรุกวัย (58.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
9. มองโกเลีย (55.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และSputnik V)
10. แคนาดา (53.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Moderna และ Pfizer/BioNTech,)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.