"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 8 กรกฎาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 11,619,618 โดส และทั่วโลกแล้ว 3,326 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 106.871 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ ภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 71.61%”
➡️(8 กรกฎาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 3,326 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 39.3 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 332 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 158 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 106.871 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (63.3% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 48.766 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 8 กรกฎาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 11,619,618 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 48.7%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 3,326 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 8 กรกฎาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 11,619,618 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 8,494,230 โดส (12.8% ของประชากร)
-เข็มสอง 2 3,125,388 โดส (4.7% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 8 ก.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 11,619,618 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 280,623 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 160,767 โดส
- เข็มที่ 2 487 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 4,651,088 โดส
- เข็มที่ 2 62,875 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 3,682,375 โดส
- เข็มที่ 2 3,062,026 โดส
3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 94.83% ไม่มีผลข้างเคียง
- 5.17% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 1.24%
- ปวดศีรษะ 0.92%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.66%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.60%
- ไข้ 0.41%
- คลื่นไส้ 0.28%
- ท้องเสีย 0.18%
- ผื่น 0.15%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.12%
- อาเจียน 0.08%
- อื่น ๆ 0.53%
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 108.4% เข็มที่2 96.2%
- อสม เข็มที่1 33.7% เข็มที่2 17.9%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 13.5% เข็มที่2 0.9%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 16.3% เข็มที่1 3.6%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 36.2% เข็มที่2 23.2%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 14.5% เข็มที่2 5.3%
รวม เข็มที่1 17% เข็มที่2 6.3%
5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 27.89% เข็มที่2 8.83% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 37.85% เข็มที่2 11.40%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 22.72% เข็มที่2 12.76%
- นนทบุรี เข็มที่1 21.08% เข็มที่2 8.71%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 20.06% เข็มที่2 4.49%
- ปทุมธานี เข็มที่1 12.82% เข็มที่2 4.01%
- นครปฐม เข็มที่1 7.81% เข็มที่2 2.15%
จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 6.74% เข็มที่2 2.55%
- ภูเก็ต เข็มที่1 71.61% เข็มที่2 57.32%
- ระนอง เข็มที่1 28.73% เข็มที่2 6.73%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 14.85% เข็มที่2 6.57%
- เกาะสมุย เข็มที่1 62.11% เข็มที่2 42.57%
- เกาะเต่า เข็มที่1 72.68% เข็มที่2 13.26%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 40.46% เข็มที่2 6.58%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 106,871,579 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 48,766,382 โดส (12.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
2. ฟิลิปปินส์ จำนวน 12,489,777 โดส (8.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V และ AstraZeneca
3. ไทย จำนวน 11,619,618 โดส (12.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. มาเลเซีย จำนวน 10,036,361 โดส (21.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
5. กัมพูชา จำนวน 8,142,185 โดส (27.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 5,933,179 โดส (63.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
7. เวียดนาม จำนวน 3,960,956 โดส (3.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
9. ลาว จำนวน 1,606,520 โดส (13.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 99,795 โดส (18.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 62.95%
2. อเมริกาเหนือ 13.37%
3. ยุโรป 15.89%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 5.93%
5. แอฟริกา 1.55%
6. โอเชียเนีย 0.31%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,331.67 ล้านโดส (47.6% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. สหภาพยุโรป จำนวน 422.50 ล้านโดส (47.6%)
3. อินเดีย จำนวน 364.59 ล้านโดส (13.3%)
4. สหรัฐอเมริกา จำนวน 331.65 ล้านโดส (51.8%)
5. บราซิล จำนวน 107.81 ล้านโดส (25.9%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. โปแลนด์ (80.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Moderna และ Pfizer/BioNTech)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (73.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. บาห์เรน (70.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. มัลดีฟส์ (68.0% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
5. ชิลี (61.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. อิสราเอล (60.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
7. กาตาร์ (59.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. อุรุกวัย (59.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
9. สหราชอาณาจักร (59.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
10. มองโกเลีย (55.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และSputnik V)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.