"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 10 กรกฎาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 12,375,904 โดส และทั่วโลกแล้ว 3,370 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 110.551 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ ภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 71.66%”
➡️(10 กรกฎาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 3,370 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 32.7 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 333 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 159 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 110.551 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (65.3% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 51.162 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 12,375,904 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 48.9%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 3,370 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 12,375,904 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 9,130,526 โดส (13.8% ของประชากร)
-เข็มสอง 2 3,245,378 โดส (4.9% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 10 ก.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 12,375,904 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 257,659 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 192,520 โดส
- เข็มที่ 2 534 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 5,176,095 โดส
- เข็มที่ 2 63,655 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 3,761,911 โดส
- เข็มที่ 2 3,181,189 โดส
3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 95.27% ไม่มีผลข้างเคียง
- 4.73% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 1.14%
- ปวดศีรษะ 0.84%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.61%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.55%
- ไข้ 0.37%
- คลื่นไส้ 0.25%
- ท้องเสีย 0.17%
- ผื่น 0.14%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.11%
- อาเจียน 0.07%
- อื่น ๆ 0.49%
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 109.4% เข็มที่2 96.8%
- อสม เข็มที่1 36.1% เข็มที่2 18.7%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 14.8% เข็มที่2 1.0%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 17.8% เข็มที่1 3.8%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 38.0% เข็มที่2 24.1%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 15.7% เข็มที่2 5.6%
รวม เข็มที่1 18.3% เข็มที่2 6.5%
5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 29.63% เข็มที่2 9.02% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 40.04% เข็มที่2 11.64%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 23.50% เข็มที่2 12.90%
- นนทบุรี เข็มที่1 22.39% เข็มที่2 8.85%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 21.75% เข็มที่2 4.65%
- ปทุมธานี เข็มที่1 13.81% เข็มที่2 4.11%
- นครปฐม เข็มที่1 8.97% เข็มที่2 2.30%
จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 7.41% เข็มที่2 2.70%
- ภูเก็ต เข็มที่1 71.66% เข็มที่2 57.54%
- ระนอง เข็มที่1 29.92% เข็มที่2 8.02%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 15.40% เข็มที่2 6.87%
- เกาะสมุย เข็มที่1 62.12% เข็มที่2 42.58%
- เกาะเต่า เข็มที่1 72.70% เข็มที่2 13.26%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 45.67% เข็มที่2 6.59%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 12,375,904 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 51,162,406 โดส (13.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
2. ฟิลิปปินส์ จำนวน 12,489,777 โดส (8.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V และ AstraZeneca
3. ไทย จำนวน 12,375,904 โดส (13.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. มาเลเซีย จำนวน 10,750,748 โดส (22.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
5. กัมพูชา จำนวน 8,421,951 โดส (28.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 6,083,907 โดส (65.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
7. เวียดนาม จำนวน 4,010,786 โดส (3.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
9. ลาว จำนวน 1,648,060 โดส (13.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 108,457 โดส (20.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 63.69%
2. อเมริกาเหนือ 13.33%
3. ยุโรป 15.08%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.03%
5. แอฟริกา 1.55%
6. โอเชียเนีย 0.32%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,354.23 ล้านโดส (48.4% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. สหภาพยุโรป จำนวน 400.75 ล้านโดส (45.1%)
3. อินเดีย จำนวน 372.26 ล้านโดส (13.6%)
4. สหรัฐอเมริกา จำนวน 332.97 ล้านโดส (52.0%)
5. บราซิล จำนวน 111.89 ล้านโดส (26.8%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (73.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
2. บาห์เรน (70.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
3. มัลดีฟส์ (69.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. ชิลี (61.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. อุรุกวัย (60.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. กาตาร์ (60.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
7. อิสราเอล (60.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. สหราชอาณาจักร (59.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
9. มองโกเลีย (55.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และSputnik V)
10. แคนาดา (55.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.