"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 12 กรกฎาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 12,569,213 โดส และทั่วโลกแล้ว 3,414 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 112.72 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ ภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 71.67%”
➡️(12 กรกฎาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 3,414 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 32 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 334 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 159 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 112.72 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (66.2% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 51.404 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 12,569,213 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 49.2%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 3,414 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 12,569,213 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 9,301,407 โดส (14.1% ของประชากร)
-เข็มสอง 2 3,267,806 โดส (4.9% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 12 ก.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 12,569,213 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 255,924 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 218,689 โดส
- เข็มที่ 2 549 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 5,296,656 โดส
- เข็มที่ 2 64,089 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 3,786,062โดส
- เข็มที่ 2 3,203,168 โดส
3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 95.34% ไม่มีผลข้างเคียง
- 4.69% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 1.12%
- ปวดศีรษะ 0.83%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.60%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.54%
- ไข้ 0.37%
- คลื่นไส้ 0.25%
- ท้องเสีย 0.16%
- ผื่น 0.14%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.11%
- อาเจียน 0.07%
- อื่น ๆ 0.48%
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 109.6% เข็มที่2 96.8%
- อสม เข็มที่1 36.4% เข็มที่2 18.7%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 15.1% เข็มที่2 1.0%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 18.1% เข็มที่1 3.8%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 38.3% เข็มที่2 24.1%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 18% เข็มที่2 5.6%
รวม เข็มที่1 18.6% เข็มที่2 6.5%
5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 30.40% เข็มที่2 9.11% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 41.14% เข็มที่2 11.76%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 23.60% เข็มที่2 12.9q%
- นนทบุรี เข็มที่1 22.99% เข็มที่2 8.87%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 22.12% เข็มที่2 4.74%
- ปทุมธานี เข็มที่1 14.48% เข็มที่2 4.17%
- นครปฐม เข็มที่1 9.17% เข็มที่2 2.36%
จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 7.51% เข็มที่2 2.72%
- ภูเก็ต เข็มที่1 71.67% เข็มที่2 57.70%
- ระนอง เข็มที่1 29.92% เข็มที่2 8.02%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 15.49% เข็มที่2 6.91%
- เกาะสมุย เข็มที่1 62.78% เข็มที่2 42.66%
- เกาะเต่า เข็มที่1 72.70% เข็มที่2 15.336%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 46.55% เข็มที่2 7.30%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 112,721,134 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 51,404,659 โดส (13.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
2. ฟิลิปปินส์ จำนวน 13,196,282 โดส (8.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V และ AstraZeneca
3. ไทย จำนวน 12,569,213 โดส (14.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. มาเลเซีย จำนวน 11,366,710 โดส (24.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
5. กัมพูชา จำนวน 8,700,167 โดส (29.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 6,613,124 โดส (66.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
7. เวียดนาม จำนวน 4,040,783 โดส (3.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
9. ลาว จำนวน 1,666,793 โดส (13.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 113,403 โดส (21.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 63.79%
2. อเมริกาเหนือ 13.24%
3. ยุโรป 15.02%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.01%
5. แอฟริกา 1.53%
6. โอเชียเนีย 0.32%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,374.16 ล้านโดส (49.1% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 379.30 ล้านโดส (13.9%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 334.15 ล้านโดส (52.2%)
4. บราซิล จำนวน 114.25 ล้านโดส (27.9%)
5. เยอรมนี จำนวน 81.33 ล้านโดส (48.9%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (74.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
2. บาห์เรน (70.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
3. มัลดีฟส์ (69.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. ชิลี (62.0%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. กาตาร์ (60.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
6. อุรุกวัย (60.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. สหราชอาณาจักร (60.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
8. อิสราเอล (60.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. แคนาดา (56.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
10. มองโกเลีย (55.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และSputnik V)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.